ศุกร์ 24 ก.ย.--NEWS & EVENTS :
ที่มา : บล.เกียรตินาคิน

ประเด็นข่าวที่น่าสนใจ
     DOW JONES ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี หลังจากตัวเลขที่อ่อนแอในตลาดแรงงานของสหรัฐกดดันดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐให้ร่วงผ่านระดับสำคัญทางเทคนิค และตอกย้ำความกังวลที่ว่าการไต่ขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีความมั่นคง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 76.89 จุด หรือ 0.72% สู่ 10,662.42 โดยมีปริมาณการซื้อขายประมาณ  7.21 พันล้านหุ้น
(ที่มา:รอยเตอร์ วันที่ 23   กันยายน  2553)

     SITHAI บมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ มั่นใจบริษัทฯ จะทำยอดขายในปี 2553 มากกว่า 5.7 พันล้านบาท เนื่องจากยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯจะมุ่งเน้นการเติบโตยอดขายสายธุรกิจหลัก ทั้งผลิตภัณฑ์พลาสติกเพื่องานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและแพ็คเกจจิ้ง  บรรจุภัณฑ์แก้วน้ำตามร้านสะดวกซื้อ ถังป๊อบคอร์น แก้วน้ำตามโรงภาพยนตร์  ณะที่บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ได้แก่ ฝาและขวด PET นั้น อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องเป่าขวด โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในไตรมาส 4/2553 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง ประมาณ 250 ล้านบาท โดยจะขยายการผลิตไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการซื้อที่ดิน 10-15 ไร่ และยังขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับความต้องการในสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีออเดอร์ที่ค้างอยู่ประมาณ 3 เดือน โดยผลิตสินค้าไม่ทันตามออเดอร์ที่สั่ง โดยบริษัทฯ จะจัดหาเครื่องอัดเมลามีนเพิ่มเติม และขยายสายการผลิตบางส่วนจากโรงงานโคราช มาไว้ที่โรงงานสุขสวัสดิ์ กรุงเทพฯ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งจะขยายกำลังการผลิตของโรงงานในเวียดนามและไปสู่บริษัทในเครือ
(ที่มา:โพสต์ทูเดย์ วันที่ 23  กันยายน  2553)

     NNCL บมจ.นวนคร เผย  บริษัทฯ คงได้รับปัจจัยบวกจากกรณีที่ บริษัทโตชิบา สตอเรจ ดีไวส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ที่เตรียมขยายการลงทุนเพิ่ม โดยการตั้งโรงงานในเขตอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี  หลังจากได้รับอนุมัติจากบีโอไอ ให้ขยายการผลิตในไทยได้ แต่จะได้รับประโยชน์มากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะต้องรอความชัดเจนจากบริษัทดังกล่าวก่อน สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2553 บริษัทฯ อาจพิจารณาปรับขึ้นจากเดิมคาดจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 565.28 ล้านบาท เพราะปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จำนวนหลายราย ซึ่งหากประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ คงผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน ส่วนจุดเด่นของบริษัทฯ ที่ลูกค้าเลือกเข้ามาตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทั้งใน จ.ปทุมธานี และ จ.นครราชสีมา เพราะใกล้กับแหล่งแรงงาน ประกอบกับมีสาธารณูปโภคที่สมบูรณ์ เพียบพร้อม รองรับการลงทุนในอนาคตได้
(ที่มา:ข่าวหุ้น วันที่ 23  กันยายน  2553)

     ADVANC บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  เผย ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นให้คุ้มครองการระงับประมูลใบอนุญาต 3.9G ของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมรแห่งชาติหรือกทช.แล้ว ขณะนี้ได้เรียกผู้บริหารบริษัทฯเข้ามาหารือทันทีเพื่อกำหนดแนวทางว่าบริษัทฯจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยเบื้องต้น ยอมรับคำตัดสินของศาลฯ เพราะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้คงจะต้องรอความชัดเจนจากการประชุมของกทช.ว่าจะมีแนวทางใดให้เอกชนดำเนินการต่อ อย่างไรก็ตาม การให้บริการนัมเบอร์พอร์ทยังคงดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.53 เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีเสริม ซึ่งไม่ได้กระทบกับคำสั่งศาลฯแต่อย่างใด
(ที่มา:โพสต์ทูเดย์ วันที่ 23  กันยายน  2553)
    
     SMIT บมจ.สหมิตรเครื่องกล เผย มั่นใจว่าผลประกอบการช่วงQ3/53 จะมีกำไรสุทธิดีกว่าไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 33.82 ล้านบาท เนื่องจาก ธุรกิจมีแนวโน้มเติมโตในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสินค้าประเภทวัสดุเหล็กแข็งสำหรับงานแม่พิมพ์ รวมถึงเครื่องมือและวัสดุสำหรับงานเครื่องจักรกลโรงงาน ซึ่งสินค้าที่อยู่ในกลุ่มเหล็กเป็นหลัก มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากจนถึงขั้นทำการผลิตไม่ทัน ดังนั้น คาดว่า รายได้ของบริษัทฯในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1,433.53 ล้านบาท  ทั้งนี้ จากแนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ ที่เติบโตต่อเนื่องทำให้ บริษัทฯมีแผน ลงทุนขยายโรงงานและซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะใช้งบประมาณเกือบ 50 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะมีความชัดเจนและสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2554           
(ที่มา:ข่าวหุ้น วันที่ 23  กันยายน  2553)

     ROJNA บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ เผย ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างเจรจาขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะผืนใหญ่ ให้กับลูกค้าจำนวน 300 ไร่ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีความชัดเจนว่าจะขายที่ดินดังกล่าวได้หรือไม่ สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2553 มีโอกาสออกมาในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากที่ผ่านมา เพราะได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น ดังนั้นในปีนี้จึงคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ มีโอกาสแตะ 6,899 ล้านบาท และการขายที่ดินคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ประมาณ 400-500 ไร่ สำหรับสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจขายน้ำ ธุรกิจขายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน และธุรกิจผลิตสุรากลั่นประเภทวิสกี้ บรั่นดี สุราขาว และสุราแช่ เป็นต้น
(ที่มา:ข่าวหุ้น วันที่ 23  กันยายน  2553)

     SABINA  บมจ. ซาบีน่า เผย ในปีนี้บริษัทน่าจะมีรายได้ตามเป้าหมายที่ 2,100 ล้านบาท หรือเติบโต 25% จากปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก หลังจากมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักเพิ่มขึ้น จนน่าจะทำให้อัตราการทำกำไรในปีนี้มากกว่า 4%ทั้งนี้ บริษัทยังเน้นลงทุนเพิ่มเติมในด้านการขยายจุดขาย และการทำกิจกรรมเพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้ครบ 20 สาขาจากปัจจุบันมีอยู่ 13 สาขา ที่พระราม 2 และมาบุญครอง เป็นต้น โดยงบลงทุนที่ใช้ในการขยายสาขาอยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านบาทต่อสาขา
(ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 23  กันยายน  2553)

     STAR บมจ. สตาร์ ซานิทารีแวร์ เผย ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมส่งสินค้าสุขภัณฑ์รุ่นใหม่ประมาณ 10 รุ่น ลงจัดจำหน่ายพร้อมกันทั้งตลาด ในประเทศ และส่งออกสู่ต่างประเทศ โดยวางตำแหน่งเป็นสินค้าระดับกลางบน ที่เป็นสินค้ามาตรฐานโลกแต่ราคายุติธรรม ในขณะที่การส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ สินค้ารุ่นใหม่นี้บริษัทฯ สามารถกำหนดราคาขายให้สูงขึ้นได้ ทำให้สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปจากการแข็งค่าของเงินบาทได้เป็นอย่างดี
(ที่มา:ทันหุ้น วันที่ 23  กันยายน  2553)

     PTTAR บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น เผย การลงนามในสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงิน ในวงเงินรวม 2.83 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้เดิมและจัดโครงสร้างเงินกู้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินอีก 4 ฉบับ ในระหว่างวันที่ 13-14 ก.ย. โดยมีวงเงินกู้ระยะยาวและเงินกู้ชนิด Revolving รวมทั้งสิ้น 1.84หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ที่เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ 6.4 พันล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี และสกุลเงินบาท 1.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 8-10 ปี ทั้งนี้บริษัทมีวัตถุประสงค์ ในการชำระคืนเงินกู้เดิม และจัดโครงสร้างเงินกู้ของบริษัท ให้มีความเหมาะสมกับลักษณะการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ของบริษัท
(ที่มา:ทันหุ้น วันที่ 23  กันยายน  2553)