ศุกร์ 15 ต.ค.--หยิบเงินหยิบทอง :
ที่มา : บล.กิมเอ็ง

กลยุทธ์วันนี้  1000, can be?
     ประเด็นสำคัญวันนี้ แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนวานนี้จะเป็นบวก DJIA Futures - NYMEX ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง SET INDEX ขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1000 จุดอยู่หลายครั้ง แต่ทำได้สูงสุดเพียง 999.51 จุดเท่านั้น ก่อนที่ย่อยตัวลงมาปิดที่ 993.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.12 จุด พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาด โดยตลาดหุ้นซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียว และมากถึง 4,034 ล้านบาท
     วันนี้เชื่อว่าจะยังมีโอกาสเห็น SET INDEX ทดสอบ 1,000 จุด ถึงแม้ว่าจะเป็นวันศุกร์ แรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบการเงินโลก ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีทางเลือกที่จำกัดในการระบายสภาพคล่อง วันนี้เชื่อว่ากลุ่ม Domestic Play น่าจะนำตลาด ขณะที่กลุ่มพลังงานพักฐาน จากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง พร้อมติดตามคำปราศรัยของประธานเฟดคืนนี้ ต่อประเด็น QE รอบที่ 2
     สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้า คาดว่า SET INDEX จะมีโอกาสยืนเหนือ 1,000 จุดได้ แต่ก็มาพร้อมกับความผันผวนที่กว้างมากขึ้น เพราะน่าจะเกิดแรงขายทำกำไรในกลุ่มธนาคาร เพื่อสะท้อนงบ 3Q53 บวกกับทิศทางนโยบายการเงินของกนง.ในวันที่ 20 ต.ค.นี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอยู่ที่ GDP ใน 3Q53 ของจีน น่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกสัปดาห์หน้า
     กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอ "ทยอยขายทำกำไรราว 5-10% ของพอร์ตการลงทุน เป็นวันที่ 2" และแนะนำ "สะสม" AP / AIT และ "ขายทำกำไร" SMT/ TVO
     การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน "ปิดสถานะ Long ใน S50Z10 บริเวณ 700 จุด +/-" และถือเงินสด  Stop Loss: S50Z10 < 685 จุด ปิด Long และ Wait&See
Portfolio       Profit-taking 5-10% : CPF/ MINT/  MAJOR/ BBL/ KTB/ BAY/ SCB/ BANPU / PTTEP / BCP/ CPALL/ TTA/ THCOM/ BLAND/ DELTA / KCE/ SMT/ AMATA/ RCL/ DTAC/ SCC/ THAI/ AP/ SPALI/ BEC
BUY:            AP / AIT
Profit-Taking:  SMT/ TVO
Technical View  แนวรับ 970-985 จุด, 965 จุด และ 950 จุด ส่วนแนวต้าน 999-1010 จุด และ 1,080 จุด แนะนำให้ถือครองตามแนวโน้ม
Strategy Today
SET INDEX วานนี้ทำได้ดีที่สุดที่ 999.51 จุดเท่านั้น แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นทีเดียว
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังไม่สามารถทดสอบ 1,000 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญด้านจิตวิทยาการลงทุน โดยมีแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะหุ้นหลักอย่าง KBANK / BBL / SCC ขณะที่กลุ่มพลังงานสามารถประคอง SET INDEX วานนี้ให้ปิดบวกได้ แม้จะเพียง 1.12 จุดหรือ 0.12% ปิดที่ 993.72 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น 47,400 ล้านบาท นี้
     กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดคือ กลุ่มเหมืองแร่ +3.97%, กลุ่มยานยนต์ +2.13% และกลุ่มขนส่ง +1.34% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน +0.92% กลุ่มธนาคาร -0.05% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +0.25%
วันนี้น่าจะมีโอกาสได้เห็น 1,000 จุด แม้ว่าจะเป็นวันศุกร์ก็ตาม ทั้งนี้ติดตามคำปราศรัยของประธานเฟดคืนนี้ อาจมีรายละเอียดของ QE รอบ 2
     แม้ว่าวานนี้ SET INDEX จะไม่สามารถขยับขึ้นทดสอบ 1,000 จุดได้ก็ตาม แต่เชื่อว่าวันนี้กับอีกราว 6 จุด น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเช่นกัน ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนี้
     1. ตลาดตัดสินไปแล้วว่าจะมี QE รอบ 2: เพราะ ณ ปัจจุบันตลาดแทบจะตัดสินใจไปแล้วว่าการประชุมเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ เฟดจะตัดสินออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินรอบที่ 2 (Quantitative Easing: QE#2) ทั้ง BNP และ Goldman Sachs ประเมินไว้ที่ US$5 แสนล้าน ทำให้ ตลอดทั้งสัปดาห์ตลาดหุ้นทั่วโลก ราคาน้ำมันขยับขึ้น เพื่อเก็งกำไรประเด็นนี้ แรงขายเริ่มจำกัดมากขึ้น ทั้งนี้ติดตามคำปราศรัยของประธานเฟด Bernanke คืนนี้ เพราะน่าจะมีความเห็นเกี่ยวกับมาตรการ QE รอบที่ 2
     2. เงินทุนลดการถือครองดอลลาร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยง: เมื่อมาตรการ QE#2 จะถูกนำออกมาใช้ในต้นเดือนหน้า สิ่งที่ตามมาคือ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์มากขึ้น ดังจะเห็นได้จากราคาทองคำในตลาดโลกสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX ขยับขึ้น เพื่อชดเชยกับค่าเงินเช่นกัน แม้ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะยังไม่ชัดเจนก็ตาม
     3. ช่องทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีจำกัด: การกลับไปถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์ได้ เหลือเพียงตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมันและทองคำ ซึ่งตลาดหุ้นนั้นหากมองลงไปในแผนที่โลก เศรษฐกิจเอเชียเป็นบริเวณที่เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงจาก 1H53 ก็ตาม แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหากเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ และยุโรป จึงไม่น่าแปลกที่ตลาดหุ้นในเอเชียจะขยับขึ้นอย่างโดดเด่น พร้อมกับค่าเงินที่แข็งค่า
     4. เก็งกำไรงบ 3Q53 อาจเป็นอีกเหตุผลที่สนับสนุน: ต้นสัปดาห์หน้ากลุ่มธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศไปจนถึงวันที่ 21 ต.ค. ตามมาด้วยกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารมากขึ้น ซึ่งงบ 3Q53 โดยรวมยังเห็นการเติบโต qoq โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน มีเพียงกลุ่มปิโตรเคมี และกลุ่มที่อยู่อาศัยจะปรับฐานลงจาก 2Q53 ประเด็นเหล่านี้น่าจะทำให้มีนักลงทุนบางส่วนเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น
สัปดาห์หน้า SET INDEX น่าจะยังไปได้ต่อ แต่ความผันผวนสูงก็จะตามมาเช่นกัน
     สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้า คาดว่า SET INDEX จะยังสามารถขยับขึ้นและยืนเหนือ 1,000 จุดได้ เพียงแต่มีความผันผวนมากขึ้น ทั้งนี้ประเด็นสำคัญในสัปดาห์หน้าได้แก่
        1. การประกาศงบการเงิน 3Q53 ของกลุ่มธนาคาร: ตั้งแต่วันที่ 18 - 21 ต.ค. ซึ่งน่าจะเกิดแรงขายทำกำไรสำหรับหุ้นที่รายงานงบการเงินออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ได้เช่นกัน
        2. การประชุมกนง.นัดแรกของดร.ประสาร: วันที่ 20 ต.ค. ณ ปัจจุบันตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ย RP1 วันจะทรงตัวที่ 1.75% แต่ล่าสุดดร.วีรพงษ์ เสนอให้กนง.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยลง 75bps เพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาทที่แข็งค่า หากเป็นไปตามคำแนะนำดังกล่าวน่าจะส่งผลกระทบให้เกิดเงินทุนไหลออก โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่า และเป็นบวกต่อภาคการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ
        3. การให้สอบพยานปากสุดท้ายกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์: วันจันทร์ที่ 18 ต.ค.นี้ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์จะเดินทางไปให้ปากคำด้วยตนเอง ก่อนที่ศาลฯ จะใช้เวลาอีก 15-45 วันในการพิจารณาคดี
        4. และตัวเลข GDP ใน 3Q53 ของจีน: ประกาศวันที่ 21 ต.ค. ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 9.5% yoy จากไตรมาสก่อนหน้า +10.3% yoy
     แม้ว่า KimEng เชื่อว่า SET INDEX รอบนี้จะสามารถทะลุ 1,000 จุดได้ ด้วยสภาพคล่องทางการเงินต่างประเทศเป็นตัวผลักดันสำคัญ แต่ความผันผวนของ SET INDEX จะกว้างมากขึ้นด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับทิศทางค่าเงินดอลลาร์และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนเป็นสำคัญ
     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน KimEng เสนอให้นักลงทุน "ทยอยขายทำกำไรหุ้นในพอร์ตราว 5-10% และถือเงินสด" เป็นวันที่ 2  พร้อมกับเตรียมรอขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารหลังประกาศงบ 3Q53 พร้อมสลับพอร์ตการลงทุนเข้าหุ้นกลุ่มที่ไม่ใช่ธนาคารมากขึ้น เพื่อเก็งกำไรต่องบ 3Q53 แทน
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ ทยอยสะสม หุ้นดังต่อไปนี้
     1. AIT: ราคาปิด 41.75 บาท ราคาเหมาะสม 52.00 บาท
        a. แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสสามจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีเท่ากับ 80 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.20 บาท) โต 33% จากปีก่อน แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน 40%  โดยเราประเมินไตรมาสสามจะมีการรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานวางระบบคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ประมาณ 1,000 ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่เติบโตจากปีก่อนถึง 39%
        b. งานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาสสองที่สูงถึง 2,257 ล้านบาท  และ ในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 3,200-3,300 ล้านบาท  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการภาครัฐ คือ บมจ. กสท โทรคมนาคม และ บมจ. ทีโอที
        c. ลูกค้าหลักของ AIT เป็นภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ ทีโอที. และ กสท. ยังมีโครงการต่างๆ เช่น โครงข่าย 3G ของ ทีโอที งบลงทุน 1.9 หมื่นล้านบาท จะมีงานด้าน IP Network ซึ่งจะเกี่ยวกับ AIT ประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี โครงการบรอดแบนด์แห่งชาติ กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้ ทีโอที และ กสท. ดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ต  โครงการอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงผ่านโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก (FTTx)
     2. AP: ราคาปิด 7.15 บาท เทียบกับราคาเหมาะสม 9.00 บาท
        a. KimEng คาดการประชุมกนง.วันที่ 20 ต.ค.นี้ เชื่อว่าจะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ย RP 1 วันไว้ที่ 1.75% แต่ ณ ปัจจุบันเริ่มมีแนวความคิดที่จะให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อลดแรงกดดันของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าได้ค่อนข้างดี 
        b. แม้ว่าผลการดำเนินงานใน 3Q53 ของ AP จะอ่อนตัวลง qoq เช่นเดียวกับหุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ แต่การเปิดโครงการใหม่ใน 2H/10 จำนวน 14 โครงการมูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาทคาดจะสามารถช่วยต่อยอดความแข็งแกร่งของ Backlog ในอนาคต
        c. คาดว่าในปีนี้ AP จะมีรายได้เท่ากับ 15,010 ล้านบาทเติบโต 32.5% yoy (รายได้ใน 1H/53 เป็นสัดส่วน 52%) ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 2,273 ล้านบาทเติบโต 32.5% (สัดส่วนกำไรสุทธิของ 1H/10 คิดเป็น 61% เนื่องจากมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขาย Q-CON)  ขณะที่ในปี 2554 คาดรายได้จะเติบโต 12.6% yoy และกำไรสุทธิลดลง 1.9% yoy
และ แนะนำ "ขายทำกำไร" เมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
     SMT: หากราคาขยับขึ้นทะลุแนว 12.50 บาท แนะนำให้เริ่มทยอยขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ KimEng แนะนำ"ซื้อ" ณ วันที่ 12 ต.ค. ราคาปิดวันก่อนหน้า 11.80 บาท แม้ว่ามุมมองต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน และความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงของค่าเงินบาทที่แข็งค่าจะสูงที่สุดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่ด้วยกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้า อาจทำให้หุ้นขนาดกลางได้รับประโยชน์จำกัด
     TVO: หากราคาขยับขึ้นทะลุแนว 26 บาท เริ่มทยอยขายทำกำไร หลังจากที่ KimEng แนะนำให้ ซื้อ วันที่ 4 ต.ค. ราคาปิดก่อนหน้า 24.50 บาท บวกกับราคาเหมาะสมที่ KELIVE ประเมินไว้เพียง 23 บาท แม้ว่าจะยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานและทิศทางราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกก็ตาม
What will DJIA move tonight? 
     คืนนี้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือ
        1. อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.: ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% yoy จากเดือนก่อนหน้า +1.1% yoy
        2. ดัชนี Empire Manufacturing เดือนต.ค.: ตลาดคาดไว้ที่ 7 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้า 4.1 จุด
        3. ดัชนี Consumer Sentiment เดือนต.ค.; ตลาดคาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 69.2 จุด จาก 68.2 จุดเดือนก่อน
        4. ยอดสต็อกสินเค้าธุรกิจเดือนส.ค.: ตลาดคาดว่า +0.5% mom จากเดือนก่อนหน้า +1.0% mom
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets เม็ดเงินทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ
     กระแสเงินทุนต่างชาติของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียไม่รวม SET วานนี้พบว่า นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง US$715 ล้าน จาก 2 วันก่อนหน้าขายสุทธิ US$644 ล้าน หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างมาก ด้วยแรงกดดันจากมาตรการ QE รอบที่ 2 ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่เฟดจะหยิบมาใช้ในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้นักลงทุนกลับมาสะสมตลาดหุ้นเกิดใหม่อีกครั้ง และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 5 ตลาด
     นักลงทุนต่างชาติกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน TAIEX มากถึง US$403 ล้าน จาก 2 วันก่อนหน้าขายสุทธิ US$364 ล้าน ตามมาด้วย PSE ซื้อสุทธิมากถึง US$148 ล้าน และ KOSPI ซื้อสุทธิ US$134 ล้าน จาก 2 วันก่อนหน้าขายสุทธิ US$287 ล้าน 
ธุรกรรม Short-Selling วานนี้ ธุรกรรม Short-selling เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 และเน้นหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยแทบทั้งสิ้น
     Stock            Total Value   % of trading     Avg.Price
                        (mn Bt)        Volume           (Bt)
PTT                      60.61          1.94%          310.00
PTTAR                    29.59          0.82%           29.64
SCC                      28.40          2.18%          324.51
KBANK                    25.58          3.67%          119.80
SCB                      16.15          1.28%          107.65
     การทำธุรกรรม Short-selling วานนี้เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เป็น 227 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 203 ล้านบาท เมื่อ SET INDEX ขยับขึ้นไปทดสอบบริเวณ 1,000 จุดไม่ได้ แม้จะมีความพยายามระหว่างชั่วโมงการซื้อขายอยู่หลายครั้งก็ตาม ทำให้นักลงทุนเริ่มมอง Downside Risk ช่วงสั้นๆ ของตลาดหุ้นไทย ด้วยการลงทุนผ่าน Short-selling
     หุ้นที่กลับมาเป็นเป้าหมายหลักของการ Short-selling คือกลุ่มพลังงานที่ราคาหุ้นขยับขึ้นโดดเด่น อย่าง PTT / PTTAR นอกจากนี้ SCC เป็นอีกหุ้นที่ราคาหุ้นปรับฐานลงสวนทางกับภาพตลาดโดยรวม โดยปัจจัยพื้นฐานของ SCC ไม่เปลี่ยนแปลง จึงเป็นจุดทีน่าสนใจทีเดียว
     ด้านหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK/ SCB เป็นเป้าหมายของการ Short-selling ในลำดับต้นๆ ด้วยเช่นกัน กดดัน Upside Gain ของหุ้นทั้ง 2 อยู่ไม่น้อย
นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดพร้อมกันอีกครั้ง
     กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่อย่างหนาแน่น เพราะด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบอย่างมหาศาล บวกกับแนวโน้มที่เฟดจะเพิ่มปริมาณเงินเข้าระบบอีกครั้ง ยิ่งกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่ามากยิ่งขึ้น แม้ว่ารัฐบาลไทยจะออกมาตรการด้านภาษีออกมาใช้ในตลาดตราสารหนี้แล้วก็ตาม แต่นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง 868 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,138 ล้านบาท
     ด้านตลาดหุ้นนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 และมากถึง 4,034 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 573 ล้านบาท และเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิวานนี้ สำหรับตลาด Futures ยังคง Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 768 สัญญา มูลค่าซื้อสุทธิ 1,030 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยต่อสัญญา 1.34 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นการ Long ใน Gold Futures ขนาด 50 บาท หลังราคาทองคำขยับขึ้นอย่างโดดเด่น ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายวานนี้
และ NVDR ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 โดยกลับมาให้น้ำหนักกับกลุ่มพลังงานเกือบครึ่งของมูลค่าซื้อสุทธิ วานนี้
     การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 และเพิ่มขึ้นเป็น 2,985 ล้านบาทจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 516 ล้านบาท รวมซื้อสุทธิทั้ง 7 วันที่ผ่านมา 9,418 ล้านบาท โดย NVDR กลับมาสะสมหุ้นกลุ่ม Cyclical อีกครั้ง หลังวันก่อนหน้าลดการลงทุนไป สรุปภาพ NVDR ดังต่อไปนี้
     1. กลุ่มพลังงานกลับมาเป็นเป้าหมายของการสะสมหุ้นอีกครั้ง 1,236 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 128 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 859 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 781 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 579 ล้านบาท กลุ่มเกษตร ซื้อสุทธิ 141 ล้านบาท
     2. และกลุ่มวัสดุก่อสร้างยังคงเป็นเป้าหมายของการขายสุทธิต่อเนื่อง แต่ลดลงเหลือเพียง 52 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 223 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขายสุทธิ 35 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด   มูลค่าสุทธิ  % มูลค่าการซื้อขาย  ขายสุทธิสูงสุด   มูลค่าสุทธิ % มูลค่าการซื้อขาย
            (ล้านบาท)                                          (ล้านบาท)    
RATCH        527.88       35.01         ITD        -70.53      5.36
ADVANC       506.05       24.55         SCC        -49.43     37.62
BBL          487.57       37.93         TOP        -43.13      5.36
PTT          368.33        8.86         AOT        -34.73     12.42
PTTEP        260.83        9.11         LPN        -23.94     23.18
     หากพิจารณารายหุ้นที่ NVDR เข้าสะสมพบว่ามีความน่าสนใจคือ RATCH ซื้อสุทธิ 528 ล้านบาท และ ADVANC ซื้อสุทธิ 506 ล้านบาท หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของการซื้อสุทธิใน NVDR วานนี้ เป็นการพักเงินเข้าหุ้นกึ่ง Defensive อย่างเห็นได้ชัด สะท้อนมุมมองของนักลงทุนต่อ Upside ของ SET INDEX อาจเริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบ และช่องทางการลงทุนที่จำกัด
     ขณะที่กลุ่มพลังงาน PTT - PTTEP กลับมาเป็นเป้าหมายหลักของการสะสมอย่างโดดเด่น ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ขยับขึ้นต่อเนื่อง ซื้อสุทธิ 368 ล้านบาทใน PTT และ 261 ล้านบาทใน PTTEP ตามมาด้วย PTTAR และ BANPU ซื้อสุทธิ 77 ล้านบาท และ 34 ล้านบาท ตามลำดับ
     และ SCC นั้นเริ่มมีแรงขายหุ้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากวันก่อนหน้าขายสุทธิผ่าน NVDR มากถึง 236 ล้านบาท ลดลงมาเหลือเพียง 49 ล้านบาทเท่านั้น น่าจะทำให้แรงกดดันของราคาหุ้นเริ่มจำกัดมากขึ้น
ศุกร์ 15 ต.ค.--Daily Focus :
ที่มา : บมจ.ฟินันเซีย ไซรัส

Today's Report : KCE, TISCO
Our Portfolio Oct 2010 : BANPU, PTTEP, SCB, TUF, STEC
แถว 1000 จุดหรือสูงกว่า ต้องระวังการผันผวนและย้อนลงเป็นลบด้วย!!
     แนวโน้ม : แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องด้วยปริมาณที่ไม่ได้ลดหย่อนลง ส่งผลให้ SET ยังสามารถบวกขึ้นต่อเนื่องได้ดีแต่ความกังวลต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องและอาจส่งผลให้แบงก์ชาติต้องตัดสินใจออกมาตรการควบคุมค่าเงินที่เข้มข้นมากขึ้น ทำให้ FSS คาดว่า SET จะแกว่งขึ้นในลักษณะผันผวน และมีโอกาสที่จะปรับพักตัวลงไปเคลื่อนไหวในด้านลบได้ โดยเฉพาะช่วงนี้นักลงทุนบางส่วนอาจเลือกที่จะรอดูผลการประชุมของกนง. ในวันพุธหน้า(20 ต.ค.) ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ โดยเรามองกรอบดัชนีช่วงนี้ไว้ที่ 960-1010 จุด ดังนั้นที่ระดับดัชนี 1000 จุดหรือสูงกว่าจึงต้องตามระวังแรงขายกดดันให้ SET ย้อนกลับลงไปแถว 980-960 จุดไว้ด้วยกลยุทธ์: ช่วงนี้ตลาดขยับขึ้นจึงควรแบ่งส่วนขายทำกำไรบ้าง และจังหวะกลับเข้าซื้อยังสามารถรอช่วงตลาดปรับพักตัวลงก่อนได้ ซึ่งหุ้นที่ยังน่าสนใจได้แก่ PTTEP, PTT, PTTCH, PTTAR, BANPU, SCB, BBL, KBANK, ITD, CK, STEC, SEAFCO, SPALI เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
     (+) ประเทศในเอเชียแทรกแซงค่าเงินแต่ไม่เป็นผล นายกฯ ยันไม่แทรกแซงค่าเงิน ส่วน 'กรณ์' ยันไม่มีมาตรการภาษีคุมเงินทุนไหลเข้า ขณะที่'วีรพงษ์' แนะลดดอกเบี้ย 20 ต.ค. นี้ ธนาคารกลางเกาหลีประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน กันไม่ให้ค่าเงินแข็งขึ้นแรง ส่วนสิงคโปร์ไม่สามารถทนต่อเงินนอกที่ทะลักเข้ามาก ประกอบกับเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่ง (สิงคโปร์ใช้ค่าเงินในการบริหารเงินเฟ้อ ไม่ได้ใช้ดอกเบี้ย)ยอมขยายแบรนด์ค่าเงิน ทำให้เงินดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.2886 ดอลลาร์สิงคโปร์ : 1USD มาตรการต่างๆ แทบไม่เป็นผล ปัญหาอยู่ที่ดอลลาร์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้อยู่ที่ความผิดปกติค่าเงินในเอเชียการเคลื่อนย้ายเงินทุนจะยังไหลเข้าเอเชียต่อเนื่อง ส่วนความหวัง QE2 ก็ยังทำให้ตลาดหุ้นและ Commodity ปรับขึ้นได้ต่อ
     (+) BANPU ราคาหุ้นลงสวนตลาด และสวนทางพื้นฐานที่ดีขึ้น วันนี้บริษัทได้หุ้น Centennial 98% และแบงก์อนุมัติเงินกู้แล้ว เป็นโอกาสในการซื้อเป้าหมาย 860 บาท
     (-) KCE มุมมองต่อกำไรใน 2H10 แย่ลงเพราะปัญหาขาดแคลนไฟเบอร์กลาส รวมถึงราคาทองแดงที่แพงขึ้นมาก ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีอยู่ถึง 1Q11 เราจึงปรับประมาณการปีนี้ลง 4% ปีหน้าลง 12% ทำให้กำไรในปีหน้าโต 6% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะโต 15% ราคาเป้าหมายจึงลดลงเหลือ 12.50 บาทแต่ยังมี upside 43.7% จึงแนะนำซื้อ
     Fund Flow วานนี้กลับมาไหลเข้าซื้อหุ้นในตลาดภูมิภาคเป็นจำนวนมากกว่าปกติหลังจากที่ 2 วันที่ผ่านมาขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค สาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะการออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าเป็นยาที่ไม่แรง ขณะที่สิงคโปร์กลับใช้นโยบายการเงินแบบเข็มงวดเพื่อเพิ่มช่วงการซื้อขายเงินสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดมาก ธนาคารเกาหลีใต้ก็คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% สำหรับแนวโน้มวันนี้คาดว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาติน่าจะยังไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ปริมาณอาจชะลอตัว เพราะค่าเงินบาทและค่าเงินเอเชียเช้านี้ยังแข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้ แต่ตลาดอาจปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาดอย่างไรก็ตามเรา
ยังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบูลชิพ
     * เมื่อคืนนี้ดัชนีดาวโจนส์เน้นหนักทางด้านแกว่งตัวลบ ก่อนที่จะดีดขึ้นมาปิดเป็นลบไปเพียง 1.51 จุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดลงจากความกังวลต่อวิกฤตการณ์ยึดทรัพย์จำนองที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารต่างๆ ในสหรัฐได้ รวมทั้งตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเกินคาดด้วย
     * ตลาดหุ้นในยุโรปปิดลดลง จากหุ้นกลุ่มแบงก์เช่นกันตามตลาดสหรัฐ รวมทั้งวิตกต่อการดำรงเงิน
กองทุนของแบงก์
     * ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลดลงตามสหรัฐและยุโรป จากความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก
     * ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลบ 0.32 ดอลลาร์อยู่ที่ 82.69 ดอลลาร์ จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังอ่อนแอ
     * ราคาทองคำ COMEX เดือน ธ.ค. ปิดบวก 7.10 ดอลล์ อยู่ที่ 1,377.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนลงต่อเนื่อง
     * BDI Index ปิดที่ 2769 จุดบวกอีก 21 จุด โดยบวกขึ้นมาแล้วกว่า 13% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวภายในประเทศ
     * โกร่งเสนอลดดอก 0.75 อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แบงก์ชาติโต้นโยบายการเงินถูกแล้ว "กรณ์" พร้อมใช้ยาแรง "วีรพงษ์" แนะวิธีดูแลค่าบาทให้แบงก์ชาติ 2 วิธี อย่างแรกลดดอกเบี้ยนโยบายลงทันที  0.75% และกลับมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ หรือ Fix Rate หยุดเงินทุนนอกไหลเข้า หวั่นหากช้าบาทแตะ 25 เกิดต้มยำกุ้งรอบ 2 ด้านแบงก์ชาติยืนยันนโยบายการเงินภายใต้เป้าเงินเฟ้อเหมาะสมแล้ว ขณะที่ "กรณ์" หารือแบงก์ชาติใช้ยาแรง (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * GLOBAL ยันรายได้ปีนี้โต 30% ปลายปีผุดเพิ่ม 2 สาขา สิ้นปีนี้มั่นใจครบ 12 สาขา GLOBALมั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 25-30% ปลายปีเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่ จ.มหาสารคาม และหนองคาย เชื่อปีนี้ขยายตามเป้าครบ 12 สาขา พร้อมรับอานิสงส์บาทแข็งลดต้นทุนนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศส่วนปีหน้าทุ่มงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ขยายเพิ่ม 4 สาขา เชื่อดันรายได้โต 20-25% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * TTW กำไร Q3 ทะลัก 545 ล้านรับกำลังผลิตเพิ่ม-ยอดใช้น้ำพุ่ง TTW ลั่นไตรมาส 3/53 กำไรสุทธิ 545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ขานรับกำลังการผลิตใหม่เดินเครื่อง ยอดการใช้น้ำพุ่ง ย้ำเป้าทั้งปีขยายตัว 10% เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารทะเล แถมอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นไข้ โบรกฯ ฟันธงปีนี้ควักกระเป๋าจ่ายเงินปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น ระหว่างกาลจ่าย 0.15 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * ทริสลดเกรด DTC ให้มุมมอง "เชิงลบ" การท่องเที่ยวขาลง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) หรือ DTC ที่ ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงชื่อเสียงของบริษัทในฐานะเป็นโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีภาระหนี้ที่ต่ำ ทั้งนี้ ในการจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงกลุ่มโรงแรมของบริษัทที่กระจายตัวอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ตลอดจนผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และศักยภาพในการขยายสู่ธุรกิจบริหารโรงแรม (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * WORK - MAJOR ขึ้นแท่นเด่น เม็ดเงินโฆษณาท่วม หนุนกำไร Q3 โตกระฉูด เม็ดเงินโฆษณาไหลท่วมทีวี-โรงภาพยนตร์ หนุน WORK โชว์กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 84 ล้านบาท เติบโตถึง 270% วงการชี้ ไตรมาส 4 ยังไปได้สวย เวลาออกอากาศแน่นเอี้ยด ฟาก MAJOR ธุรกิจขาขึ้น กำไรไตรมาส 3 แตะ 200 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * ADVANC เงินสดล้นปันผลทั้งปี 9.80 บาท DTAC โชว์กำไร Q3 กำไร 80% เชื่อไม่ตกขบวน 3 จี ทีโอที ค่ายมือถือรุกทำ 3 จี ทีโอที-เอชเอสพีเอ ทดแทนไลเซนส์ 3 จี กทช.เน้นนอนวอยซ์เต็มที่ เชื่อ ADVANC ฐานะการเงินแข็งแกร่งสุด เงินสด 25,000 ล้านบาท ปันผลทั้งปี 9.80 บาทผลตอบแทนสูงลิ่ว 12% ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ 4,900 ล้านบาท หุ้นราคาถูกน่าสน ส่วน DTAC แรงไม่น้อยกำไร Q3 เฉียด 2,900 ล้านบาท โตจากปีก่อน80% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 15-10-2010)
     * SLC ล้างขาดทุนสะสมหมดปีหน้า การันตีจ่ายเงินปันผลทันที เล็งดึง "ฉาย" นั่งบริหาร SLC เตรียมล้างขาดทุนสะสม 30 ล้านบาทหมดในปีหน้าพร้อมจ่ายเงินปันผลทันที ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุน 2.42 พันล้านหุ้น เผยผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายการันตีหากหุ้นไม่หมดรับซื้อเอง เล็งดึง "ฉาย บุนนาค" นั่งบริหาร หวังเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ ส่วนปีนี้ยอมรับยังขาดทุน แต่ลดลงจากปีก่อน เล็งเทกโอเวอร์ธุรกิจหนังสือพิมพ์สรุปปลายปีนี้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น15-10-2010)
ข่าวต่างประเทศ
     * สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนส.ค.พุ่ง 8.8% หลังมูลค่าการนำเข้าสินค้าทะยาน กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ เปิดเผยว่ายอดขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8% จากเดือนกรกฎาคม แตะระดับ 4.63 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น รายงานของกระทรวงระบุว่า มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้น 2.1% สู่ระดับ สู่ระดับ 2.002 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากการนำเข้าอาหาร เคมีภัณฑ์ และ ผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐขยับขึ้น 0.2% ในเดือนสิงหาคม เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 1.539 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติสูงสูงสุดในรอบ 2 ปี เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าเกษตรและอื่นๆ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-10-2010)
     * สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งเกินคาด 13,000 ราย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค. พุ่งขึ้น 13,000 ราย แตะระดับ 462,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 445,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ พุ่งขึ้น 2,250 ราย แตะระดับ 459,000 ราย (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-10-2010)
     * สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.4% หลังราคาพลังงานพุ่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง0.2% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1% เนื่องจากต้นทุนราคายานยนต์ปรับตัวสูงขึ้น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-10-2010)
     * จีน: จีนเผยราคาอสังหาริมทรัพย์เดือนก.ย.พุ่งขึ้น 9.1% หลังรบ.ควบคุมเก็งกำไรตลาดอสังหาฯ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS)รายงานในวันนี้ว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองขนาดใหญ่ของจีนประจำเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 9.1% จากปีที่แล้ว หลังจากรัฐบาลจีนขยายมาตรการควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และจำกัดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในระบบเศรษฐกิจของจีน (ที่มา: อินโฟเควสท์ 15-10-2010)
ศุกร์ 15 ต.ค.--ไทยรัฐ :
สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
เอกชนโวยเงินบาทแข็งไม่หยุด บี้รัฐบาลลดดอกเบี้ย
    พิษค่าเงินบาทแข็งโป๊ก เอกชนตอกหน้า "ธปท." เลิกดูแลเงินเฟ้อ หันเอาใจใส่ดูแลค่าบาท-เศรษฐกิจ เหตุเศรษฐกิจใกล้พังพาบ จี้ลดดอกเบี้ยนโยบาย สกัดบาทแข็งหลังมาตรการเก็บภาษี 15% เป็นเพียงแค่ยาดม ย้ำชัดหากยังนิ่งเฉยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตายก่อน คนตกงาน ฉุดเศรษฐกิจดิ่งเหวอีกรอบ

"โกร่ง" อัด ธปท.เห็นแก่ตัว แนะกำหนดเป้าค่าเงินบาท
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 ต.ค.) สถาบันสร้างสานอนาคตไทย ร่วมกับหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ทรูวิชั่น และคลื่น FM 101 RR One จัดงานสัมมนา  "ตั้งรับยุคค่าเงินบาทแข็งตัวโจทย์ท้าทายเศรษฐกิจไทย" โดยมีนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน)  และอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นแก่ตัว จิตใจดำกับคนไทยและประเทศไทยเพราะขณะนี้มีผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการไม่ดูเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน "ธปท.ทำตามองค์กรระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ซึ่งล้วนอยู่ใต้อิทธิพลของสหรัฐฯ ถ้าธนาคารชาติใดปฏิบัติตาม ก็จะได้รับหนังสือเยินยอให้เป็นผู้ว่าการธนาคารชาติดีเด่น แทนที่จะเป็นสถาบันที่คนไทยและประเทศไทยสรรเสริญเยินยอ"

ยานยนต์หวั่นย้ายฐานออกนอกประเทศ กลัวเดินตามรอยญี่ปุ่น
    นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน ที่ปรึกษาระดับสูง บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์จากการแข็งค่าของเงินบาท ในงานสัมมนา "ตั้งรับยุคค่าเงินบาทแข็งโจทย์ท้าทายเศรษฐกิจไทย" ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทตลอดทั้งปีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เนื่องจากแหล่งส่งออกใหญ่ของรถยนต์ไทยอยู่ในเอเชียออสเตรเลียและตะวันออกกลางซึ่งเศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว ทำให้อุปสงค์ของกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังมีอยู่ประกอบกับชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใช้ส่วนใหญ่สั่งซื้อจากภายในประเทศ จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งได้เตรียมการรับมือ เช่น การประกันความเสี่ยงค่าเงิน การกระจายความเสี่ยงค่าเงินด้วยการสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์จากผู้ผลิตในหลายประเทศ จึงไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์สกุลเดียว

ดัชนีเชื่อมั่นพุ่งกระฉูดคนแห่ซื้อบ้าน
    นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประจำเดือน ก.ย.53 ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วประเทศ 2,243 คนว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวดีขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม เพิ่มจาก 72.8 เป็น 73.5 สูงสุดในรอบ 30 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 51 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการทำงาน เพิ่มจาก 71.6 เป็น 72.5 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.ย.53 เพิ่มจาก 80.8 เป็น 81.5 สูงที่สุดในรอบ 45 เดือนนับตั้งแต่ ม.ค.50 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเพิ่มจาก 64.9 เป็น 65.6 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต เพิ่มจาก 85.7 เป็น 86.4

ตลาดหุ้นเพิ่มคุณภาพชีวิต 10 จังหวัดล้าหลัง พลัง วตท.ลดสังคมเหลื่อมล้ำ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการมูลนิธิตลาด หลักทรัพย์ได้มอบทุนสนับสนุนโครงการ "พลัง วตท.ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม" ที่ดำเนินการ โดยสถาบันวิทยาการตลาดทุน(วตท.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดที่มีระดับการพัฒนาที่ล้าหลังซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม

ทองคำยังพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ คนไทยแห่ขายเยาวราชแตก!
    นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ทองคำวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ราคาปรับขึ้นลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน รวม 4 ครั้ง หรือเฉลี่ยบาทละ 250 บาท โดยทองแท่งซื้อบาทละ 19,350 บาท ขายบาทละ 19,450 บาท ทองรูปพรรณซื้อบาทละ 19,071.28 บาท ขายบาทละ 19,850 บาท ตามการผันผวนของราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ที่ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1,378 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ หลังจากที่ปรับราคาขึ้นไปสูงสุดของวันที่ 1,384 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ ในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยเดิม ๆ คือ การเข้ามาเก็งกำไรในตลาดทองคำของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่มีเสถียรภาพและอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

หวั่นเกิดสงครามแย่งคนงาน อุตสาหกรรมจี้ผลิตผลิตแรงงานฝีมือ 2 แสนคนภายใน 3 ปี
    น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการลงนามข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาบุคลากรระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะให้ความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพด้านวิชาชีพแก่นักเรียนนักศึกษาเพื่อป้อนแรงงานเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ภายใน 3 ปี เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เพราะหากผลิตแรงงานประเภทฝีมือไม่เพียงพอต่อกำลังการผลิต อาจทำให้ไทยประสบปัญหาวิกฤติขาดแคลนแรงงานจนเกิดการแย่งชิงแรงงานของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคตได้--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--เดลินิวส์ :
สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

พานาโซนิคส่งทีวี 3 มิติลุยตลาด
    นายฮิโรทากะ มุราคามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทพร้อมรุกตลาดจอทีวี 3 มิติในไทยอย่างเต็มรูปแบบด้วยการเปิดตัว จอทีวี เวียร่า พลาสม่าทีวี 3 มิติ มีจำนวน 3 รุ่นได้แก่ ขนาด 42 นิ้ว ราคา 79,990 บาท ขนาด 50 นิ้ว ราคา 119,990 บาท โดยการเปิดตัวเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้เพราะมั่นใจตลาดทีวี 3 มิติกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และพฤติกรรมคนรุ่นใหม่หันมาดูทีวี 3 มิติมากขึ้น แม้ว่าราคาสูงกว่าจอทีวีทั่วไปประมาณ 3 เท่าก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างยอดขายในปีแรกถึง 4,000 เครื่องโดยจุดสูงถึง 7-8 เท่าตัวในปีหน้า พร้อมกับก้าวเป็นผู้นำในตลาดทีวี 3 มิติของไทย ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30% ในตลาดรวมทีวี 3 มิติ ที่มีจำนวนประมาณ 10,000-15,000 เครื่อง

หุ้นเฉียด 1,000 จุด-ทองพุ่ง 'โกร่ง' แนะธปท.ลดดอกเบี้ย 0.75%
    รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา ดัชนียังคงทะยานขึ้นได้ต่อเนื่องจากวานก่อน  จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลทะลักเข้าต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีร้องแรงใกล้แตะ 1,000 จุด ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นสูงสุดที่ 999.51 จุด ก่อนอ่อนตัวลงมาปิดตลาดที่ 993.72 จุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.12 จุด

ยอดขายรถ 9 เดือน โตฉลุย 51% 'วอลโว่' ทุบสถิติสูงสุดรอบ 4 ปี
    นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์เดือน ก.ย. มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 68,261 คัน เพิ่มขึ้น 40.3% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 31,401 คัน เพิ่มขึ้น 46.6% รอเพื่อการพาณิชย์ 36,860 คัน เพิ่มขึ้น 35.4% รถกระบะขนาด 1 ตัน จำนวน 37,273 คัน เพิ่มขึ้น 35.0%

ดัชนีเชื่อมั่นพุ่ง 5 เดือนติด ทะยานขึ้นสูงสด 45 เดือน ผู้บริโภคซื้อรถ-บ้านใหม่
    นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน ก.ย. 53 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มจาก 72.8 เป็น73.5 สูงสุดในรอบ 30 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 51 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานเพิ่มจาก 71.6 เป็น 72.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเพิ่มจาก 98.1 เป็น 98.7 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มจาก 80.8 เป็น 86.4 สูงสุดในรอบ 45 เดือน นับตั้งแต่ ม.ค. 50 ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันเพิ่มจาก 64.9 เป็น 65.6 และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตเพิ่มจาก  85.7 เป็น 86.4

ย้ำนโยบายคุมเงินเฟ้อเหมาะ
    นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญอิสระจากต่างประเทศมาประเมินการใช้นโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ หลังจากได้ใช้นโยบายดังกล่าวมาครบ 10 ปี (43-53) ซึ่งผลประเมินพบว่า การดำเนินนโยบายดังกล่าวของประเทศไทย ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี สอดคล้องกับมาตรฐานสากลสูงสุด

กรุงไทยคายหุ้นนกแอร์ บินไทยบ่นราคาสูงเกิน
    แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ว่า นางกิตติยา โตธนะเกษม รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงการบินไทยเพื่อแจ้งว่าจะขายหุ้นนกแอร์ที่กรุงไทยถืออยู่ 10% หรือ 5 ล้านหุ้น ให้การบินไทยในราคาหุ้นละ 44 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 220 ล้านบาท โดยจะมีผลถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งกรุงไทย เห็นว่าผลประกอบการของนกแอร์ในปี 52 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจนถึงปัจจุบัน และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

เอสแอลซีฮุบหนังสือพิมพ์ เตรียมทุ่มงบ 100 ล้าน
    นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1988) จำกัด(มหาชน) หรือเอสแอลซี เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจา เพื่อซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) หนังสือพิมพ์ประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่เน้นเสนอข่าวด้านการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก

นำร่องโครงการประกนภัยแล้ง เริ่มประเดิมสินค้าข้าว 3 พื้นที่
    นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณากรอบแนวทางประกันภัยพืชผลอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดทำโครงการประกันภัยข้าวในกรณีเกิดภัยแล้งขึ้นในพื้นที่ 3 แห่ง ในระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นโครงการนำร่อง จากนั้นจะขยายให้คลอบคลุมพื้นที่ ทั่วประเทศต่อไป โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรฯกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกันจัดทำเป็นโมเดลให้ชัดเจนว่าจะเลือกพื้นที่ใด แต่ต้องไม่อยู่ในเขตชลประทานและไม่เป็นพื้นที่แล้งซ้ำซาก--จบ--
ศุกร์ 15 ต.ค.--กรุงเทพธุรกิจ :
สรุปข่าวหุ้น การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ประดิษฐ์จี้สรรพากรวางมาตรการรับมือบาทแข็งฉุดภาษีหด
    "ประดิษฐ์" ระบุ รายได้รัฐกระทบหากภาคเอกชนต้องปิดกิจการหรือประสบปัญหาขาดทุนจากกรณีเงินบาทแข็งค่าแนะสรรพากรช่วยรับมือด้วยการเพิ่มบทบาทเข้าเป็นหุ้นส่วนผู้เสียภาษีและอำนวยความสะดวกในการให้บริการ

โซลูชั่นดึง'ฉาย'ร่วมบริหาร3หุ้นใหญ่เพิ่มทุนเกินสิทธิ ตั้งเป้าปีหน้ารายได้โต 100% พลิกทำกำไรล้างขาดทุนสะสม
    "โซลูชั่น" ทาบ "ฉาย บุนนาค" ร่วมบริหารหลังเจ้าตัวยืนยันรับสิทธิหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิ รับปีนี้ยังแบกขาดทุน 20 ล้านบาทเหตุตั้งสำรองเพิ่มเชื่อไตรมาสแรกปีหน้าพลิกกำไร วางแผนใช้ส่วนเกินมูลค่าหุ้นล้างขาดทุนสะสมปีหน้า

'กันกุล'มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้าโต15%
    กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง มั่นใจปีนี้กำไร 10% พร้อมวางเป้ารายได้รวม 1.3 พันล้านบาท เชื่อวันแรก19 ต.ค.นี้ ราคายืนเหนือจอง--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--กรุงเทพธุรกิจ :
สรุปข่าวเศรษฐกิจ การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

หวังเอ็มเอสซีไอเพิ่มน้ำหนักหุ้น 'จรัมพร'ยันดัชนีทะลุ1,000จุดไม่ฟองสบู่ แย้มหุ้นคึกคัก ส่งผลมี 10บริษัทจ่อคิวระดมทุนไตรมาส 4 ด้านทองคำสิ้นเดือนมีสิทธิแตะ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์
    จรัมพรชี้ดัชนีทะลุ 1,000 จุด ไม่เป็นฟองสบู่ระบุสอดคล้องกับภูมิภาคอานิสงส์เงินทุนไหลเข้าเอเชีย พร้อมคาดเอ็มเอสซีไอ ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนหลังมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น แย้มมี 10 บริษัทจ่อคิวเข้าตลาดโค้งสุดท้าย ด้านหุ้นไปไม่ถึงฝัน แม้ต่างชาติโหมซื้อกว่า 4 พันล้านบาท ดัชนีปิดบวกแค่ 1 จุดระหว่างวันขึ้นแตะที่ 999.15 จุด ขณะที่ ราคาทองในประเทศทำสถิติที่ 19,500 บาท นายกสมาคมค้าทอง ประเมินสิ้นเดือนนี้ ทองคำโลก 1.4 พันดอลลาร์

สตาร์ไมโครเมินบาทแข็งยันกำไรปีนี้โตเกิน80%
    สตาร์ไมโครฯรับบาทแข็งกระทบรายได้ 10% แต่กำไรไม่สะดุดเหตุนำเข้าวัตถุดิบในสัดส่วนสูงกว่ารายได้ราว 4-5% ส่งผลได้กำไรส่วนต่าง ยันกำไรสุทธิปีนี้โตเกิน 80% ส่วนปีหน้าขยายตัวไม่ต่ำ30% พร้อมทุ่มงบ 10 ล้านดอลลาร์ ร่วมลงทุนพันธมิตรไอซี คาดได้ข้อสรุปปี 2554

'ทิสโก้'ชี้สินเชื่อทั้งปีโตทะลุเป้ากำไรกว่า 30%
    ทิสโก้ ฟุ้งเศรษฐกิจโตดีดันยอดสินเชื่อพุ่งมั่นใจสินเชื่อทั้งปีโต 22-25% ดันยอดสินเชื่อสิ้นปีแตะ 1.5 แสนล้านบาท เอ็นพีแอลลดลงเหลือ 1.9% พร้อมตั้งเป้าสินเชื่อปีหน้าโต 10-15% คาดว่าสินเชื่อธุรกิจแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้โตเกิน 30%

ตลาดเกาะติดหุ้นร้อน'ยูเอซี'กิมเอ็งเตือนราคาเกินพื้นฐาน
     ตลาดหลักทรัพย์เกาะติดหุ้น "ยูเอซี" หลังราคาพุ่งแรงต่อเนื่อง บล.กิมเอ็ง ในฐานะที่ปรึกษาการเงินออกโรงเตือนรายย่อยระวัง เหตุราคาเข้าสู่การเก็งกำไรมากเกิน ค่าพี/อี กระโดดพรวด 20เท่า ยันตั้งราคาไอพีโอเหมาะสม พี/อี แค่ 7 เท่า และดัชนีหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 920 จุด--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--กรุงเทพธุรกิจ :
สรุปข่าวธุรกิจการตลาด หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

เดอะ63ทวินส์ฯแจมคอนโดหั่นราคา'เลอนิช'
    เดอะ 63 ทวินส์ฯ ลุยตลาดคอนโด ปรับคอนเซปต์โครงการเลอนิช เอกมัย จากเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เป็นคอนโดมิเนียมมูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท เปิดราคาต่ำกว่าคู่แข่ง

ดิอาจิโองัดกลยุทธ์ดันส่วนแบ่งแบล็ก80%
    ดิอาจิโอ ชู 3 ยุทธศาสตร์ดันส่วนแบ่ง"แบล็ก เลเบิ้ล" ทะลุ 80% ปรับแพ็คเกจจิ้งขวดใหม่รอบ10 ปี มั่นใจปีนี้เติบโต 5%

เชลล์ดอนบุกหนัง3มิติโกยพันล. ร่วมทุน 3ชาติออกฉายทั่วโลก ส่งทีวีซีรีส์ ซีซัน 3 และ 4 ลงช่อง 3 ปีหน้า โหมตลาดสินค้าลิขสิทธิ์
    เชลล์ฮัท เอ็นเตอร์เม้นท์ ร่วมทุนสิงคโปร์-ญี่ปุ่น ลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ สร้างภาพยนตร์"เชลล์ดอน" แอนิเมชัน 3 มิติ ออกฉายปี 2555 หวังโกยรายได้บ็อกช์ออฟฟิศไลเซ่นทั่วโลกพันล้านบาท--จบ--
ศุกร์ 15 ต.ค.--โพสต์ทูเดย์ :
สรุปข่าวหุ้น-ตลาดทุน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ภัทรสั่งถอยหุ้น! ถือเงินสด-ขยับลงกองทุน FIF จับตาคุมบาท-ทุนนอกเข้าต่อ
    ภัทรฟันธงหุ้นเสี่ยงสูงแนะลูกค้าถอยถือเงินสด กระจายลงทุนสินทรัพย์อื่น ยอมรับคาดการณ์แนวโน้มยาก จับตามาตรการดูแลบาท
    นายอภินันท์ เกลียวปฏินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร (PHATRA) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นปีนี้ดีเกินกว่าที่คาดหมายไว้อย่างมากและทุกอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

SLC ล่อปันผลปี'54 ซื้อนสพ.จบทันปีนี้
    SLC ยันจบดีลซื้อหนังสือพิมพ์สิ้นปีนี้ชัวร์ รับกรณีฐานเศรษฐกิจช้า ต้องรอศาลสั่งฟื้นฟูหวังชี้ปีหน้ากำไรสุทธิ-จ่ายปันผล
    นายอารักษ์ ราษฎร์บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโซลูชั่น คอนเนอร์ (SLC) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทกำลังเจรจาซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะมีข้อสรุปได้ 1 แห่ง ส่วนการเจรจากับฐานเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ล่าช้า เป็นเพราะจะต้องรอศาลให้มีคำสั่งฟื้นฟูกิจการเสียก่อน

SCBS แรงจัดเทรดอันดับ 1 เบียดกิมเอ็ง
    บล.ไทยพาณิชย์เทรดสนั่น ส่วนแบ่งตลาดค้าหลักทรัพย์พุ่งเป็นอันดับ 1 แซง บล.กิมเอ็ง
    การซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2553 ปรากฏว่าบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) มีส่วนแบ่งตลาดด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สูงเป็นอันดับ 1 สัดส่วน 12.04% ของทั้งตลาดแซงหน้าบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ KEST ที่มีส่วนแบ่งตลาด 11.70% ทั้งนี้ บล.กิมเอ็งเป็นแชมป์โบรกเกอร์หลายสมัยและในแต่ละวันจะมีส่วนแบ่งตลาดทิ้งห่างอันดับ 2 หลายเปอร์เซ็นต์

'อสมท' ทำกำไร-รายได้นิวไฮปีหน้าขอโต 5-10%
    อสมท ดันกำไรรายได้ทุบสถิติใหม่ตั้งแต่ตั้งบริษัทปีหน้าหวังโต 5-10% เพิ่ม 2 ธุรกิจใหม่
    นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท (MCOT) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2554 ว่า รายได้ของบริษัทน่าจะเติบโต 5-10% จากปี 2553 ซึ่งปีนี้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะทำได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท โดยรายได้จะทะลุ 5,000 ล้านบาทได้

UAC มีเวลาเก็งกำไร 1 เดือนกลต.ไม่คิดเทิร์นโอเวอร์หุ้นใหม่ตลท.ตามติดซื้อขายผิดเกณฑ์
    ตลาดหลักทรัพย์จี้ติดหุ้น UAC 2 ซิลลิง เข้าเทรด 4 วันแจกกำไร 200% น้องใหม่ไม่ถูกนับเทิร์นโอเวอร์ลิสต์ 4 สัปดาห์ กิมเอ็งให้ระวังราคาตอนนี้ พีอี 20 เท่า
    ในสัปดาห์นี้นักลงทุนคงไม่มีใครไม่รู้จักหุ้นบริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC)น้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) เพราะแจกกำไรถึง 200% ให้แก่คนจองซื้อหุ้นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 4 บาท สำหรับการเข้าตลาดเพียง 4 วันเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เปิดด้วยราคา 4.80 บาท หลังจากนั้นราคาพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% (ซิลลิง) 2 วันซ้อน และวันที่ 14 ต.ค.เกือบชนเพดาน เปิดกระโดดถึง 12 บาท ก่อนย่อมาปิดที่ 9.85 บาท บวกเพียง 0.25 บาทท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายอย่างมโหฬาร รวม 4 วัน ทั้งสิ้น 2,007 ล้านบาท หลายเท่าตัวเทียบกับทุนชำระแล้ว150 ล้านบาท และการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ) จำนวน 30 ล้านหุ้น

'BBL' ระดมตปท.หุ้นกู้ 3.6 หมื่นล้านทหารไทยเก็บคืน
    ธนาคารกรุงเทพเตรียมขายหุ้นกู้ต่างประเทศ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ 5 ปี จ่ายดอกเบี้ย 3.25% 10 ปี แจก 4.8% ด้านทหารไทย ซื้อคืนตราสารหนี้กว่า 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ศุภาลัยขายหุ้นกู้ 745 ล้านบาท ให้ 3.73%
    ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน (หุ้นกู้) มูลค่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ  3.6 หมื่นล้านบาท ในตลาดต่างประเทศ โดยแบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 5 ปี จำนวน400 ล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นกู้อายุ 10 ปี จำนวน 800 ล้านเหรียญสหรัฐ กำหนดราคาหุ้นกู้ ณ วันที่ 13 ต.ค. 2553 ที่อัตราดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 5 ปี และอัตราดอกเบี้ย 4.8% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 10 ปี

แหยงหุ้นไทยหันลงทุน FIF เงินใหม่ไหลเข้ามากกว่ากองหุ้นอเบอร์ดีนชี้ซื้อกองจีนต้องเลือก
    บลจ.อเบอร์ดีน ชี้เงินใหม่ไหลเข้ากองทุน FIF มากกว่ากองทุนหุ้นไทย เหตุกลัวหุ้นไม่แจกกำไรต่อปีหน้า ออกแรงเชียร์ลงทุนจีน แต่ต้องเลือกบริษัทแข็งแกร่ง
    นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบว่า สัดส่วนของเม็ดเงินลงทุนใหม่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนต่างประเทศ (FIF) มากกว่ากองทุนหุ้นในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีนและกองทุนที่ลงทุนในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

MFC ไม่สนหุ้นแรงผุดกองใหม่เป้า 7%
    MFC มองตลาดหุ้นขึ้นต่อ ออกกองทุนเอ็มเอฟซี สปอท7 ลงทุนหุ้นไทย ไม่หวั่นดัชนีพุ่งแรงตั้งเป้า 7% ภายใน 7 เดือน
    นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซีเปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นคงอยู่ในช่วงขาขึ้นจึงยังมีผู้สนใจลงทุนในกองทุนทาร์เก็ตฟันด์อย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงออกกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี สปอท 7 (SPOT7) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.85 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยผลตอบแทนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 10.70 บาทต่อหน่วยลงทุน หรือ 7% ภายในเวลา 7 เดือน เปิดขายครั้งเดียวตั้งแต่วันที่ 18-26 ต.ค.นี้

กสิกรชู KSDLTF เลี่ยงหุ้นผันผวน
    บลจ.กสิกรไทย ชู K20SLTF แจ๋ว กำไร 41% คนกลัวหุ้นพุ่งแรง ชงกองทุนใช้อนุพันธ์บริหารดีพร้อมอัดโปรโมชัน LTFRMF
    นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2553 กองทุนเปิดเค20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล(K20SLTF) ให้ผลตอบแทนแล้ว 41.05%สูงกว่าผลดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ถึง 9.92%--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--โพสต์ทูเดย์ :
สรุปข่าวการเงิน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

บาทแข็งกระแสเงินสดแย่ กสิกรไทยแจงลูกค้ารายได้หด แบงก์เร่งช่วยกลัวเป็นหนี้เสีย
    "กสิกรไทย" ประเมินสินเชื่อเอสเอ็มอีกลุ่มส่งออก 14 หมื่นล้านบาท โดนผลกระทบค่าเงินบาทแข็ง 29 บาท กระทบสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท กระแสเงินสดติดลบ
    นายกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประเมินสินเชื่อส่งออกเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ 1.4 หมื่นล้านบาท

คลังผ่อนคลายภาษีเครื่องจักร
    รมช.คลัง เดินสายให้นโยบายกรมสรรพากรเก็บภาษีเข้าเป้าพร้อมเพิ่มหักลดหย่อนภาษีเครื่องจักรกระตุ้นเอกชนนำเข้าช่วงบาทแข็ง
    นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเตรียมออกมาตรการลดหย่อนภาษีเกี่ยวกับเครื่องจักร โดยจะให้กรมสรรพากรเพิ่มการหักค่าเสื่อมได้มากขึ้นจากปัจจุบันที่หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ปีละ 20% รวม 5 ปี--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--โพสต์ทูเดย์ :
สรุปข่าวธุรกิจ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

จำปีมึนราคาหุ้นนกแอร์กรุงไทยเสนอขาย 44 บ./หุ้นขอเวลา 2 เดือนก่อนตัดสินใจ
    การบินไทยศึกษาราคาหุ้นนกแอร์ หลังกรุงไทยเสนอขายหุ้นนกแอร์ 220 ล้านบาท หลังผลประกอบการดี
    แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้นางกิตติยา โตธนะเกษม รองกรรมการผู้จัดการผู้บริหารสายงานบริหารการเงินธนาคารกรุงไทย ได้ทำหนังสือถึงนายปิยสวัสดิ์อัมระนันทน์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี)บริษัท การบินไทย เพื่อชี้แจงว่าต้องการขายหุ้นที่กรุงไทยถือในบริษัทนกแอร์ ผู้บริหารสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) นกแอร์จำนวน5 ล้านหุ้น สัดส่วน 10% ในราคา 44 บาท มูลค่ารวม 220 ล้านบาท ให้กับการบินไทยตามที่ได้ทำหนังสือติดต่อขอซื้อหุ้นส่วนดังกล่าว

พีซีไร้แววรุ่งแนะผลิตเกมเจาะโซเชียล
    ทรูชี้ผู้พัฒนาเกมไทยควรหันพัฒนาเกมโซเชียล เน็ตเวิร์กหลังแนวโน้มการพัฒนาเกมพีซีแข่งได้ลำบากในตลาดโลก
    นายกรีกรณิ์ ไพรีพินาศ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์แอนด์ มีเดีย เปิดเผยว่า แนวทางในการพัฒนาเกมออนไลน์ หรือพีซีเกม ของผู้พัฒนาชาวไทยยังเป็นไปได้อย่างลำบาก แต่เห็นว่าช่องทางของโซเชียล เน็ตเวิร์กเกม ยังมีความน่าสนใจกว่ามากในการทำตลาด--จบ--

ศุกร์ 15 ต.ค.--โพสต์ทูเดย์ :
สรุปข่าวการตลาด หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

รถหรูบี้ยอดขาย 1.2 หมื่นคันปีหน้า
   วอลโว่ ชี้ตลาดรถหรูโตแตะหมื่นคันปีนี้ พร้อมลุ้นทำยอดเท่ายอดขายสูงสุดในอดีต 1.2 หมื่นคันในปี 2554 หากไม่มีปัจจัยกระทบรุนแรง
   นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัทวอลโว่ คาร์(ประเทศไทย)เปิดเผยว่า จากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์และปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการเติบโต ส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์หรูที่คาดว่าในปีนี้จะมียอดจำหน่ายรวมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1หมื่นคันจากปกติที่มียอดจำหน่าย 8,000-9,000 คันเท่านั้น

พ่อค้าผ้าโดดลุยอสังหาฯคอนโด-รร.ย่านสุขุมวิท
   ผู้ค้าผ้าสำเพ็งขยายไลน์รุกธุรกิจคอนโดมิเนียม เอกมัย หลังจากทำโรงแรม-อพาร์ทเมนต์ให้เช่าย่านสุขุมวิท ทองหล่อ สร้างรายได้การเช่า 200 ล้านต่อปี
   นายสมชาย โครานา กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะ 63 ทวินส์ เรสซิเดนท์ เปิดเผยว่าได้พัฒนาโครงการเลอนีซ คอนโดมิเนียมย่านเอกมัย สูง 8 ชั้น จำนวน 79 ยูนิต ขนาด 37-117 ตร.ม.มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมียอดจองแล้ว 60%ราคาขาย 7.3 หมื่นบาทต่อตร.ม.แต่ขณะนี้ราคาขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 8.1 หมื่นบาทต่อ ตร.ม.

แอลจีส่งออฟติมัสประเดิมสมาร์ตโฟน
    แอลจีทุ่มงบ 30 ล้านดันออฟติมัส วัน แข่งตลาดสมาร์ตโฟน ตั้งเป้าขายหมื่นเครื่องปลายปี พร้อมทยอยเปิดรุ่นอื่นๆต่อเนื่อง
   นายสมศักด์ อธิศัยตระกูลผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์(ประเทศไทย)เปิดเผยว่าตลาดสมาร์ตโฟนมีศักยภาพในการขยายตัวสูงมาก โดยปัจจุบันมีสัดส่วน7%ของตลาดรวม และมีสัดส่วนมูลค่าประมาณ 26% ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นต่อเนื่อง

ซัมซุงดันจอยักษ์ขายราชการ ชี้แนวโน้มใช้งานพุ่งแซงเอกชน ลุยวาง 13 รุ่นใหม่กระตุ้นปลายปี
   ซัมซุงเร่งขยายตลาดจอยักษ์แอลเอฟดี สบชช่องตลาดรวมโตกว่า 100% ชี้กลุ่มราชการมาแรง
   นายบุญเลิศ วิบูลย์เกียรติ ผู้อำนวยการธุรกิจไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยว่าซัมซุงตั้งเป้าขยายตลาดผลิตภัณฑ์จอภาพแสดงผลขนาดใหญ่ หรือแอลเอฟดี (Large Format Display)สำหรับตลาดองค์กร เนื่องจากมีความต้องการต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มราชการซึ่งเป็นตลาดที่บริษัทมองว่าความต้องการใช้ขยายตัวเร็วกว่าฝั่งเอกชน

ดิอาจิโอเท 200 ล.ปั้นแบล็กฯ
   ดิอาจิโอปรับโฉม ขวดจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็กเลเบิ้ลในรอบ 10 ปี พร้อมขึ้นราคา 50 บาททุ่ม 200 ล้านทำตลาด
   นายอิศเรศ สุนทราวรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์วิสกี้ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ทเฮนเนสซี่(ประเทศไทย)เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับรูปแบบขวดผลิตภัณฑ์ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์แบล็กเลเบิ้ลใหม่พร้อมกันทั่วโลกเพื่อให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งเป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ในรอบ10 ปี พร้อมทั้งปรับราคาขายขนาด 750 มล.ขึ้นมาอยู่ที่ 1,149 บาท จากเดิมอยู่ที่ 1,099 บาท เนื่องจากต้นทุนในการผลิตขวดเพิ่มสูงขึ้น--จบ--
ศุกร์ 15 ต.ค.--ทันหุ้น :
สรุปข่าว หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
'PLE'เทิร์นอะราวนด์แรงฮุบงานกาตาร์3พันล้านบ.
    ผู้บริหาร PLE เผยล่าสุดได้งานจากประเทศกาตาร์แล้ว 3 พันล้านบาท แถมมีรออีก 2 โครงการมูลค่า 8 พันล้านบาท ส่วนงานในประเทศจ่อเซ็นสัญญาจำนวน 7 พันล้านบาทคาดทยอยประกาศตั้งแต่ Q4ระบุปีหน้าผลงานจะเทิร์น อะราวนด์ 100% โบรกเคาะเป้า 2.18 บาท คาดปีนี้พลิกกำไรเกิน 300ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 1.1 พันล้านบาท

'AH'ดี๊ด๊ายอดขายตามนัดกูรูส่องปีนี้ฟันกำไร400ล.
    บิ๊ก AH ลั่นยอดขาย Q3 ชุ่มปอด หลังคำสั่งซื้อสินค้าสะพัดรับไฮซีซันคาดครึ่งหลังยอดขายทะยานจากครึ่งปีแรกส่งผลทั้งปีรายได้ตามเป้าที่ 1 หมื่นล้านบาทแย้มลุยโรงงานจีนด่วนจี๋ หลังยานยนต์โตสุดขีดพร้อมตั้งเป้ากวาดลูกค้าเพียบหลังมีเครือข่ายทั่วโลก กูรูส่องปีทองคาดกวาดกำไร 392 ล้านบาท มองราคาหุ้นยังต่ำบุ๊ก ไม่สะท้อนพื้นฐานให้เป้าหมาย 20.00 บาท

งานรถไฟฟ้าเข้า'MCS'กำไรนิวไฮลุ้นทะลุ10บ.
    MCS กินรวบงานโครงสร้างเหล็กสายสีม่วงสัญญาที่ 1 กว่า 5 พันตัน ผู้บริหาร"สมพงษ์ เมธาสถิตย์สุข" พุ่งปรี๊ด Q4/2553 ทยอยส่งมอบงานให้ CK แล้วหนุนผลงานโตกระฉูด เริ่งร่าออเดอร์เหล็กไม่พร่องมือ ล่าสุดรับทรัพย์เพิ่ม 100 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีโตตามนัด นักวิเคราะห์สบช่องแนะ "ซื้อ" พิกัด 9.88 บาท ดักกำไรปีนี้ทำนิวไฮเฉียด 640 ล้านพร้อมเงินปันผลสูงลิ่ว 0.64 บาท หรือ 7-8%

DRTฟอร์มสวยรายได้แจ่มเล็งเพิ่มไลน์ผลิตใหม่ปี54
    DRT คาด Q3/2553 รายได้บรรเจิดกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่ 704.19 ล้านบาท รับแรงหนุนเศรษฐกิจฟื้นดันยอดขายพุ่ง มั่นใจโค้งสุดท้ายฟอร์มสวย ปั๊มรายได้ทั้งปีตามเป้า 3 พันล้านบาทเล็งทุ่มงบ 400-500 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตปีหน้า รองรับดีมานด์ใหม่หนุนรายรับเพิ่มด้านโบรกสั่งลุยเคาะพื้นฐานที่ 6.10 บาท ลุ้นครึ่งหลังปันผลอีก 0.17 บาท

'BEC-MCOT-MAJOR'แก้มปริยอดโฆษณาQ3กระฉูด15%
    กลุ่มบันเทิงตีปีก เม็ดเงินโฆษณาเดือนกันยายนพุ่ง 14.6% แตะ 8.5 พันล้านบาทรวม Q3/2553ขยายตัวกว่า 15% ผู้บริหาร BEC "ฉัตรชัย เทียมทอง" ยิ้มแก้มปริผลงาน Q3 สุดเลิศไม่แพ้ไตรมาส 2 ด้านผู้บริหาร MCOT ลั่นรายได้ปีนี้โตกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าขยายตัวอีก 5-10% ชัวร์ นักวิเคราะห์ฟันธงอุตสาหกรรมรุ่ง แนะ "ซื้อ" ยกก๊วนทั้ง BEC-MCOT-MAJOR-WORK

'FSS'ดาวเด่นกำไร100ล้านจับตาปันผลปีนี้กว่า 0.10 บ.
    FSS แรงแซงโค้งกำไรสุทธิ Q3/2553 กระฉูดกว่า 100 ล้านบาท จาก Q2/2553 คว้ากำไรสุทธิเพียง 18.55 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 440% หลังควบรวมกิจการเริ่มเห็นผลขณะที่วอลุ่มยังทะลักหนุนกำไรสุทธิปีนี้อื้อซ่า 150 ล้านบาท เติบโต 709.06% จากปีก่อน จับตาแจกปันผลสวยหรูกว่า 0.10 บาทต่อหุ้น

GUNKULมั่นใจราคาเหนือจองโปรยยาหอมปันผลเกิน0.33บาท
    GUNKUL เล็งทุ่มงบ 2.8 พันล้านบาท เสกโรงไฟฟ้า 4 เฟสที่เหลือ หวังดันกำลังผลิตขยับเป็น 30.9 เมกะวัตต์ หนุนรายได้เพิ่ม ส่วนปี 2553 เชื่อรายได้โตตามนัด 15-17% กำไรสุทธิ 8-10% รับอานิสงส์ธุรกิจหลักจากผลิตและอุปกรณ์ไฟฟ้าพุ่ง โปรยยาหอมปันผลปีนี้เกิน 0.33 บาท มั่นใจเทรดวันแรกราคาไอพีโอเหนือจองที่ 5.40 บาท ระบุพื้นฐานแจ่ม-อนาคตสดใส

TOPซู่ซ่ากำไรQ3ฟื้น-แนะ'ซื้อ'เป้า70บาท
    โบรกซูมหุ้น TOP มองไตรมาส 3/2553 ธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตัวหนุนกำไรพุ่ง คาดค่าการกลั่นในปี 2554 เพิ่มขึ้น หลังจากอุปทานโรงกลั่นใหม่ได้ผ่านจุดพีคไปแล้วในปี 2552 ปรับราคาพื้นฐานปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 70 บาท แนะ "ซื้อ"

SMTย้ำเป้าผลงานปีนี้โต80%ดอดคุยพันธมิตรลุยธุรกิจIC
    บิ๊ก SMT ลั่นผลงานโตไม่เลิก แย้มไตรมาส 3 หอมฟุ้ง หลังมาร์จิ้นพุ่งกระจายสินค้าสมาร์ทโฟนราคาดีสุดขีด คาดส่งผลงานโตก้าวกระโดด 80% จากปีก่อน มองไกลปีหน้าโตอีก 30% เล็งขยายกำลังการผลิตรองรับออเดอร์อิเล็กทรอนิกส์พุ่ง พร้อมทุ่ม 10 ล้านดอลลาร์จีบพันธมิตรร่วมทำธุรกิจ IC

'ผลธัญญะ'ตบเท้าเข้าตลาดประกาศลุยธุรกิจสิ่งแวดล้อม
    "ผลธัญญะ" ขยับอีกก้าว แตกบริษัทย่อย"พีดี เจเนซิส เอ็นจิเนียริ่ง" ลุยธุรกิจด้านรีไซเคิลน้ำเต็มตัวหวังปั้นเป็นดาวรุ่งสร้างรายได้เพิ่มความแกร่งหนุนรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดก่อนตบเท้าเข้าตลาดหุ้นเร็วๆ นี้ ล่าสุดรอ ก.ล.ต.ไฟเขียวไฟลิ่ง

'TISCO'เดินหน้าล่าลีสซิ่งหวังดันธุรกิจก้าวกระโดด
    TISCO เตรียมสอยพอร์ตเช่าซื้อเพิ่มอีกหนึ่ง ยอมรับอยู่ระหว่างการเจรจาแต่ขอไม่เปิดเผยข้อมูลหวั่นกระทบราคา แย้มหากมีช่องรุกซื้อธุรกิจลีสซิ่งทุกแห่งหวังดันธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่กำไรสุทธิปี 2553 คาดพุ่งไม่ต่ำกว่า 30% หลังตัวเลขสินเชื่อ 9 เดือนแรกทะลุเป้า 20% เชื่อปีนี้สินเชื่อโตแตะ 25% รับอานิสงส์ยอดขายรถยนต์กระฉูด

TBANKปล่อยกู้จำปี2พันล.สยายปีกการบินระดับสากล
    ธนาคารธนชาตลงนามสนับสนุน "การบินไทย" วงเงิน 2 พันล้าน ระยะเวลา 7 ปีเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนธุรกิจสู่สายการบินชั้นนำระดับสากล รวมทั้งปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้มีศักยภาพ พร้อมผสานจุดแข็ง SCIB รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

KBANKมั่นใจสินเชื่อSMEโต10%ออกโรงอุ้มลูกค้ารับพิษบาทแข็ง
    KBANK คุยฟุ้งสินเชื่อทั้งปีโตตามเป้า 8-10% เชื่อเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสินค้าเกษตร แถมโครงการภาครัฐเดินหน้าฉลุย หนุนผู้ประกอบการขอสินเชื่อหมุนเวียนเพียบ ด้านค่าเงินบาทแข็งโป๊ก เผยไม่หวั่นกระทบลูกค้า หลังธนาคารยื่นมือเข้าช่วย

โบรกชี้ฟิวเจอร์สนิ่งรอดูทิศทางคนเล่นทองรอย่อตัวทยอยรับเพิ่ม
    กูรูเตือนตลาดหุ้นพุ่งปรี๊ดอาจมีแรงขายออก เล็งกรอบแนวต้าน 999 จุด ส่วนแนวรับ 985-990 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนในฟิวเจอร์สช่วงนี้ให้อยู่เฉยรอดูทิศทางทางก่อน ส่วนราคาทองคำยังมีโอกาสขึ้นได้อีกรอย่อตัวทยอยรับเพิ่ม

'จรัมพร'ฟันธงดัชนีแตะพ้นจุดพื้นฐานรองรับ-เม็ดเงินนอกหนุน
    แม่ทัพใหญ่ตลาดหลักทรัพย์ "จรัมพร โชติกเสถียร" เผยดัชนีหุ้นไทยแตะ 1 พันจุดไม่ใช่เรื่องแปลกหลังเม็ดเงินนอกไหลบ่าเข้าไม่หยุดแถมปัจจัยพื้นฐานรองรับ บริษัทจดทะเบียนมีความแข็งแกร่ง แง้ม MSCI อาจปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มขึ้นหลังมีหุ้นหลายตัวมีมาร์เก็ตแคปเพิ่ม

SLCโชว์ของดีปี54พลิกกำไรจ่อขายหุ้นเพิ่มทุนสัปดาห์หน้า
    "อารักษ์ ราษฎร์บริหาร" บิ๊ก SLC มั่นใจปี 2554 ผลงานพลิกกำไร พร้อมเร่งเครื่องประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แถมรับงานวางระบบอีก 50 ล้านบาท รับรู้รายได้ 10-15% ในไตรมาส 4/2553 จ่อเพิ่มทุน 2.42 พันล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตุลาคมนี้ พร้อมเผยความคืบหน้าเทกโอเวอร์สื่อสิ่งพิมพ์อยู่ระหว่างเจรจา 2 ราย คาดได้ข้อสรุปภายในปีนี้

ราคาหุ้น'UAC'ร้อนไม่เลิกตลท.สวมบทดีเอสไอล้วงข้อมูล
    "กิตติ"เผยราคาหุ้น UAC พุ่งเกินคาดรับอานิสงส์ดัชนีตลาดหุ้นใกล้แตะ 1,000 จุด เชื่อนักลงทุนมองผลประกอบการสดใส แถมมีลุ้นกำไรปี 2553 สูงกว่าปีที่แล้ว หลัง 6 เดือนแรกฟันกำไรเพิ่ม 1 เท่าจากปีก่อน ด้าน ตลท.เริ่มจับตาดูความเคลื่อนไหว หลังราคาหุ้นชนซิลลิ่ง 2 วันติด เตรียมส่งทีมงานเข้าข้อมูล พร้อมยืนยัน UAC ยังไม่ติด Turnover List ด้านกิมเอ็งเตือนนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง แนะดูพื้นฐานเป็นหลัก--จบ--
พฤหัสฯ 14 ต.ค.--Daily Focus :
ที่มา : บมจ.ฟินันเซีย ไซรัส

Today's Report : Special report, Commodities WoW, PS, SCC, TISCO
Our Portfolio Oct 2010 : BANPU, PTTEP, SCB, TUF, STEC
     แนวโน้ม: นักลงทุนต่างประเทศชะลอการเข้าซื้อลงอีกครั้ง เพื่อรอดูความชัดเจนของมาตรการแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาทที่คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันนี้ (12 ต.ค.) อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงบ้างแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันบ้างแม้ว่าจะเคลื่อนไหวเป็นลบในกรอบจำกัด แต่ FSS คาดว่าอาจส่งผลให้ SET แกว่งตัวผันผวนและกลับมาเคลื่อนไหวเป็นลบอีกครั้งได้ โดยเฉพาะที่ระดับดัชนี 980-986 จุดที่เป็นระดับสูงสุดของตลาดในรอบที่เพิ่งผ่านมาและบริเวณ 990-996 จุดที่เป็นแนวต้านทางเทคนิค ดังนั้นต้องระวังการแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 950-990 จุดโดยประมาณในช่วงถัดไปไว้ด้วย
     กลยุทธ์ : ตลาดขยับขึ้นให้เน้นถือเพื่อรอขายทำกำไร โดยอาจแบ่งส่วนขายทำกำไรเป็นระยะๆ ส่วนหุ้นที่ยังน่าสนใจเทรดดิ้งได้แก่ SCB, KBANK, BBL, CK, STEC, ITD, TASCO, TTCL, AMATA, IRPC, ESSO, PTTEP, PTTAR, BANPU, BCP, GLOW, SEAFCO, SITHAI, VNG, KCE, HANA, CCET เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
     (+) จับตามาตรการแก้บาทแข็ง 'กรณ์' ชงครม.แพคเกจลดผลกระทบบาทแข็งวันนี้ ข่าวเบื้องต้นจะเป็นการประกันความเสี่ยงค่าเงินให้กับผู้ส่งออก และเก็บภาษีจากการลงทุนในพันธบัตรและเงินฝากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ 'กรณ์' ย้ำว่าจะไม่แก้ปัญหาโดยใช้มาตรการระยะสั้น จึงเชื่อว่านอกจากจะไม่มีมาตรการเป็นลบกับตลาดหุ้น การขึ้นภาษีดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรยังจะทำให้เม็ดเงินย้ายออกจากพันธบัตรมาเข้าตลาดหุ้นด้วย
     (+) เรามองข้ามไปถึงการประชุม Fed 2-3 พ.ย. ตลาดคาดว่าน่าจะมีการเพิ่มสภาพคล่องรอบ 2 (QE2) ซึ่งจะเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นในเอเชียจะกลับมา rally อีกครั้ง หุ้นกลุ่ม Big cap. ทั้งพลังงานและแบงก์จะนำตลาด ตามด้วยกลุ่ม Domestic เช่นค้าปลีก (CPALL) และอสังหาฯ (STEC, ITD, CK, AMATA, SPALI, PS)
     (+) SCC คาดกำไรชะลอตัวจากทุกธุรกิจทั้งปูนที่เป็น Low season และ Margin ที่ลดลงในธุรกิจกระดาษและปิโตรเคมี แต่ 4Q10 จะฟื้นตัวและเติบโตในอัตราเร่งปีหน้า เรายังคงแนะนำซื้อโดยปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 375 บาทหลังคดีมาบตาพุดชัดเจน
     (0) TISCO กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ชะลอลงจากไตรมาสก่อนแม้ว่าจะยังรักษาได้ในระดับสูงที่ 5% เพราะต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามวงจรขาขึ้นของดอกเบี้ย เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 44 บาทแต่มีมุมมองเป็นบวกน้อยลง แบงก์ใหญ่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าเช่น SCB, BBL, KBANK
     Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่อง 22 วันติดต่อกัน ด้วยปริมาณการซื้อสุทธิที่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มาก ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับว่าธนาคารกลางในภูมิภาคอาจออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าทำสถิติใหม่อีกครั้งนอกจากนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเฟดอาจจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ สำหรับแนวโน้มFund Flow วันนี้จะยังคงไหลเข้าแต่เบาบางเพื่อรอดูท่าทีของธนาคารกลางในแต่ละประเทศในเอเชียว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาสกัดกั้น Fund Flow หรือไม่และมากน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามในระยะกลางเรายังเชื่อว่าเม็ดเงินจะยังไหลเข้าเพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน กลยุทธ์ที่น่าจะเหมาะกับการเก็งกำไรช่วงนี้ยังคงเป็น Sell into Strength และ Buy on Weakness
     * ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวแคบๆ ในกรอบ +/- ประมาณ 20 จุดเศษ ก่อนจะปิดเป็นบวก 3.86 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบางสุดของปีนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอดูผลการดำเนินงานรายไตรมาสของบริษัทสำคัญๆ ในสัปดาห์นี้ก่อน ซึ่งอินเทล คอร์ปจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/53 ในคืนวันนี้
     * ดัชนี VIX ปรับลดลงอีกกว่า 8% มาอยู่ที่ระดับ 18.96 จากการคาดหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เร็วๆ นี้
     * การคาดการณ์ว่าเฟดจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลงอยู่เล็กน้อย
     * ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 0.45 ดอลลาร์อยู่ที่ 82.21 ดอลลาร์ หลังดอลลาร์เริ่มแข็งค่า ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง
     * ราคาทองคำ COMEX เดือน ธ.ค. บวกอีก 9.10 ดอลล์ อยู่ที่ 1,354.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังคาดเฟดเตรียมใช้มาตรการ QE2
     * BDI Index ปิดที่ 2695 จุดลบเพียง 1 จุดหลังขยับขึ้นต่อเนื่องมา 6 วันติดต่อกันกว่า 10%
ข่าวภายในประเทศ
     * ทีโอทีไฟเขียวเอไอเอส ร่วมทำตลาด MVNO 3G 365 ดิ้นคลอด 3G เหมาจ่าย หวั่นไม่ทันขบวนรถไฟ ผู้บริหารทีโอทีไฟเขียว AIS ร่วมทำเอ็มวีเอ็นโอ 3 จีทีโอที พร้อมเสนอบอร์ดไฟเขียว 14 ต.ค.นี้ ลั่นได้ประโยชน์สูงสุดไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด แถมเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ระบุที่ผ่านมา AIS ส่งรายได้เข้าทีโอทีกว่า 1.4 แสนล้านบาทแล้ว ฟาก "ค่าย 365" ก้นร้อนเร่งคลอดแคมเปญ "3 จีเหมาจ่าย" เดือนละ 790 บาทใช้ไม่จำกัด กรุยทางรอทีโอทีทั่วประเทศ ระบุช้าไปไม่ได้ หาก ADVANC ได้ทำเอ็มวีเอ็นโอ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * TOP กำไร Q3 พุ่ง 2 พันล้าน ค่าการกลั่นเกิน 4 เหรียญ "สุรงค์" ย้ำแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3 สวย หลังค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นแตะ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันยืนเหนือ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลช่วงปลายปีนี้ ด้านโบรกฯประสานเสียงแนะ "ซื้อ" TOP หลังเตรียมโชว์กำไรไตรมาส3 เพิ่มเท่าตัวมาอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * SIRI ยอดขายพุ่ง 2.2 หมื่นลบ. โชว์แบ็กล็อกทะลัก 2.6 หมื่นล้าน สูงที่สุดในตลาด "แสนสิริ" แรงไม่หยุด เริ่มต้นไตรมาส 4 เพียง 10 วันยอดขายพุ่งกว่า 5,500 ล้านบาท ดันยอดขายรวมล่าสุดกระฉูด 22,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของเป้ายอดขายทั้งปี 25,000 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกทะลัก 26,000 ล้านบาท สูงที่สุดในตลาดอสังหาฯ ขณะที่ยอดขายจากงาน "Sansiri Iconic Living" 3 วัน กวาดยอดขายรวมกว่า 2,200 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * ทริสอัพเครดิต BCP จาก BBB+ ขึ้นเป็น A- สะท้อนธุรกิจแกร่ง รายงานจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCPเป็น "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" จากเดิมที่ระดับ "BBB+" แนวโน้ม "Positive" หรือ "บวก" โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จในการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันให้เป็นโรงกลั่นแบบซับซ้อน (Complex Refinery) และส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจการตลาดน้ำมันซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นพลังงานทดแทนซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รวมถึงการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอื่นๆ อีกทั้งยังพิจารณาถึงความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นด้วย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * PRIN เจอพิษโอนคอนโดสะดุดแย้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า 5 พันล. "ปริญสิริ" ยอมรับยอดโอนคอนโดฯ สมาร์ท พระราม 2 สะดุด บุ๊ครายได้ต่ำกว่าเป้า เหตุยอดลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านพุ่งจนต้องยกเลิกยอดขายกว่า 200 ล้านบาท ฉุดรายได้รวมไตรมาส 3 ทรุด พร้อมคาดทำรายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้า 5 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * UAC เทรดวันแรกเหนือจอง 40% นักลงทุนมั่นใจอนาคต ย้ำรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า10% หุ้น UAC เทรดวันแรกคึกคัก ปิดตลาด 5.70 บาทเพิ่มขึ้น 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 42.5% จากราคาไอพีโอ 4 บาท ด้านเอ็มดี "กิตติ" เชื่อราคายืนเหนือจอง เพราะนักลงทุนเห็นภาพการเติบโตในอนาคต ย้ำรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำ 10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * GUNKUL วันแรกนักลงทุนสนใจเพียบ การันตีธุรกิจแข็งแกร่ง ภาวะตลาดหุ้นเอื้อการลงทุน "กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง"เปิดจองวันแรกกระแสตอบรับสุดยอด นักลงทุนให้ความสนใจเพียบ "ทิสโก้" ยันหุ้น GUNKUL ขายหมดหายห่วง ชี้ปัจจัยบวกเพียบ ทั้งปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการขยายตัวดีต่อเนื่อง อนาคตแนวโน้มสดใสผนวกกับสภาพตลาดหุ้นกำลังคึกคัก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
ข่าวต่างประเทศ
     * สหรัฐอเมริกา: โอบามาหนุนใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ย้ำว่าการเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ "รัฐบาลต้องวางแผนระยะยาวด้วยการสนับสนุนโครงการก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และรันเวย์ใหม่ภายในในประเทศ โดยในอีก 6 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะก่อสร้างถนนยาว 150,000 ไมล์รวมทั้งก่อสร้างทางรถไฟ 4,000 ไมล์ ซึ่งมีความยาวจากชายฝั่งด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง และจะก่อสร้างรันเวย์ยาว 150 ไมล์ ตลอดทั้งระบบควบคุมการจราจรทางอากาศรุ่นถัดไปเพื่อลดอัตราความล่าช้าของเที่ยวบิน" โอบามากล่าวที่ทำเนียบขาว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-10-2010)
     * จีน: ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนพุ่งทำนิวไฮที่ $6.6732 ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนประจำวันที่ 11 ต.ค. ที่ระดับ 6.6732 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดระดับใหม่ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของจีนอาจปูทางไปสู่การปรับขึ้นค่าเงินหยวนและอาจยกเลิกนโยบายการผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาด GDP จีนไตรมาส 3 ชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 10% ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันการเงิน 22 แห่งของจีนชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 10% ในไตรมาส 3 โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวอยู่ที่ 9.4% นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ยังคาดการณ์ด้วยว่า การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.อาจจะเทียบเท่าหรือเท่ากับอัตราการขยายตัวเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์การขยายตัวของ CPI โดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ 3.5% เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาดการค้าระหว่างประเทศของจีนชะลอตัวในเดือนก.ย. นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การส่งออกและการนำเข้าของจีนในเดือนก.ย.อาจจะชะลอตัวลง โดยซิติค ซิเคียวริตีส์ คาดว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ย.อาจจะขยายตัว 23.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากระดับ 34.4% ในเดือนส.ค. ส่วนการนำเข้าอาจจะเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากระดับ 35.2% ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ย.อาจจะอยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * เอเชีย: มาเลเซียเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4% สำนักงานสถิติมาเลเซียเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IPI) มาเลเซียประจำเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะได้รับอานิสงส์จากดัชนีภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 6.8% และดัชนีไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น 4.9% ดัชนีผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัว 6.8% นั้นได้รับปัจจัยหนุนจากการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัว 11.2% ขณะที่ผลผลิตสินค้าในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ยาสูบทะยานขึ้น 10.6% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
พฤหัสฯ 14 ต.ค.--หยิบเงินหยิบทอง :
ที่มา : บล.กิมเอ็ง

กลยุทธ์วันนี้   Thai Baht Measure
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวขึ้นชดเชยกับการปรับฐานลงแรงเมื่อวันศุกร์ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทที่รมว.คลังจะเสนอในวันนี้ จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในขอบเขตที่จำกัด บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 671 ล้านบาท พร้อมกับการซื้อตลาดตราสารหนี้อีกครั้ง แต่ก็เพียง 268 ล้านบาท
     ทิศทาง SET INDEX วันนี้จะดีดตัวขึ้นแรง หรือปรับฐานลงแรง ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทที่รมว.คลังเสนอในการประชุมครม.เช้าวันนี้ หากมีเพียงมาตรการภาษีหัก ณ ที่จ่ายในส่วนที่กำไรของตลาดตราสารหนี้ และมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกเพิ่มเติมด้วยแล้ว เชื่อว่าจะเกิดการโยกเงินทุนจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง และชัดเจนมากยิ่งขึ้น บวกกับนักลงทุนภายในประเทศ และสถาบันภายในประเทศ จะกลับมาซื้อสุทธิหนาแน่นอีกครั้ง เพราะเกิดความชัดเจนต่อแนวทางการแก้ไขค่าเงินบาท
     อย่างไรก็ตาม มาตรการแก้ไขค่าเงินบาทที่จะพิจารณาในวันนี้นั้น อาจช่วยเหลือให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้จำกัด และในระยะช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะหากประเมินจากปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า นอกจากเรื่องของ Demand - Supply แล้ว ประเด็นค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ย่อมเป็นอีกปัจจัยที่กดดันค่าเงินบาท และเงินสกุลท้องถิ่นในเอเชียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
     กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : KimEng เสนอ "ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ"  และแนะนำ "ซื้อ" BEC / SMT
     การลงทุนทางเลือก : แนะนำให้นักลงทุน "ถือสถานะ Long ใน S50Z10 ข้ามวัน" Stop Loss: S50Z10 < 658 จุด ปิด Long และ Wait&See
Portfolio Hold: CPF/ MINT/  MAJOR/ BBL/ KTB/ BAY/ KBANK/ BANPU / PTTEP / BCP/ CPALL/ TTA/ THCOM/ BLAND/ DELTA / KCE/ AMATA/ RCL/ DTAC/ SCC/ THAI/ TVO/ AP
BUY:            BEC / SMT 
Technical View  แนวรับ 955-960 จุด, 946 จุด และ 930 จุด ส่วนแนวต้าน 985-990 จุด, 999 จุด และ 1080 จุด ถือครองหุ้นพื้นฐานตามแนวโน้มได้ในระยะกลาง
Strategy Today
SET INDEX ฟื้นตัวชดเชยกับการปรับฐานลงแรงเมื่อวันศุกร์ จากแรงเก็งกำไรมาตรการแก้ไขค่าเงินบาท
     ตลาดหุ้นทั่วเอเชียวานนี้ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เช่นเดียวกับ DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยแล้ว กลับปิดบวก 14.66 จุดหรือ 1.53% ปิดที่ 977.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 27,700 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย บวกกับแรงเก็งกำไรต่อมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทที่รมว.คลัง จะเสนอต่อครม.ในวันนี้นั้น น่าจะมีเพียงมาตรการในตลาดตราสารหนี้เท่านั้น พร้อมกับมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออกเพิ่มเติม จากผลกระทบค่าเงินบาท ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารขยับขึ้นอย่างโดดเด่นวานนี้
     กลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดคือ กลุ่มเกษตร +4.01%, กลุ่ม Packaging +3.39%, กลุ่มไฟแนนซ์ +2.49% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน +1.97% กลุ่มธนาคาร +1.49% กลุ่มปิโตรเคมี +2.03% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +2.03%
ทิศทาง SET INDEX วันนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทเป็นสำคัญ
     คาด SET INDEX วันนี้จะมีทิศทางอย่างไร ขึ้นอยู่กับมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทของรมว.คลังเสนอต่อครม.เช้าวันนี้
     1. หากมีมาตรการด้านภาษีเฉพาะในส่วนของตลาดตราสารหนี้: ความเป็นไปได้ที่จะหยิบภาษีหัก ณ ที่จ่ายของกำไรจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้กลับมาใช้อีกครั้ง
        ความเห็นของทาง KimEng เชื่อว่าหากนำภาษีดังกล่าวกลับมาใช้ น่าจะเริ่มจากระดับ 3-5% เพื่อประเมินผลของมาตรการดังกล่าว ว่าสามารถลดแรงเก็งกำไรค่าเงินบาท ผ่านตลาดตราสารหนี้ได้หรือไม่ เพราะหากกลับไปใช้ในอัตราเดิม 15% ทันที อาจทำให้กระทรวงการคลังมีข้อจำกัดในการขยับขึ้นครั้งต่อๆ ไป หากมาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถหยุดยั้งการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้และหากมาตรการที่ออกมาใช้วันนี้ ถูกจำกัดเพียงตลาดตราสารหนี้ เชื่อว่า
        a. กระแสเงินทุนต่างชาติบางส่วนจะโยกจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นไทย: เพื่อเป็นการลดแรงกดดันของผลตอบแทนจากการลงทุนบางส่วน
        b. นักลงทุนภายในประเทศและสถาบันภายในประเทศน่าจะกลับมาซื้อสุทธิ: เพราะเมื่อความชัดเจนต่อมาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ย่อมทำให้นักลงทุนทั้ง 2 กลุ่มสามารถประเมินสถานการณ์และกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง
        c. เงินบาทอ่อนค่าลงได้ไม่นาน: แน่นอนว่านักลงทุนต่างชาติอาจต้องลดพอร์ตการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ เพื่อ Lock-in-profit น่าจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงได้ไม่นาน หากค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีทิศทางของการอ่อนค่าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเฟดออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินรอบที่ 2 ในต้นเดือนพ.ย.
     2. แต่หากมีมาตรการเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไทย: เช่นการใช้มาตรการภาษีหัก ณ ที่จ่ายของส่วนกำไร เช่นเดียวกับตลาดตราสารหนี้ เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจำเป็นต้องลดพอร์ตการลงทุน ด้วยการขายหุ้นหลักออกมาในวันนี้ แต่ SET INDEX อาจไม่ปรับฐานลงแรงเหมือนกรณีของ Capital Control เพราะ
        a. กระแสเงินทุนภายในประเทศรองรับแรงขาย: เพราะตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันภายในประเทศ และนักลงทุนทั่วไปทยอยขายทำกำไรเป็นระยะๆ บวกกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ทำให้นักลงทุนระมัดระวังต่อการลงทุน ดังนั้นหากมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติออกมา SET INDEX ปรับฐานลงแรง อาจกลายเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุน 2 กลุ่มนี้เข้าซื้อ
        b. คาดเงินบาทอ่อนค่าลงได้เพียงช่วงสั้นอีกเช่นกัน: แน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนค่อนข้างมาก และทำให้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากประเทศไทยในวันนี้ แต่หากสหรัฐฯ ยังคงใช้นโยบายค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า นั้นย่อมทำให้เงินบาทไทยต้องกลับมาแข็งค่า เพื่อในท้ายที่สุดอีกเช่นกัน
     จากแนวทางข้างต้น KimEng เชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดในกรณีที่ 1 มีน้ำหนักค่อนข้างมาก หากเป็นไปตามคาด เชื่อว่า SET INDEX จะสามารถดีดตัวขึ้นทดสอบแนว 1,000 จุดภายในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้าได้ไม่ยาก จากเม็ดเงินทุนต่างชาติที่โยกจากตลาดตราสารหนี้เข้าตลาดหุ้นไทย พร้อมกับการกลับมาซื้อสุทธิของสถาบันภายในประเทศ
     ดังนั้น ภาพรวมกลยุทธ์ KimEng เสนอให้ "ถือพอร์ตการลงทุน" เพื่อรอจังหวะขายทำกำไรบริเวณ 990 จุดหรือสูงกว่านั้น และถือเงินสด แต่หากนักลงทุนต้องการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในช่วงสั้นๆ เพื่อเก็งกำไรต่อเนื่องจากมาตรการในวันนี้ อาจต้องเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าผลการดำเนินงานใน 3Q53 และต่อเนื่องถึง 4Q53 จะเติบโตโดดเด่น โดยเน้นหุ้นที่ไม่ใช่กลุ่มธนาคาร
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ ทยอยสะสม หุ้นดังต่อไปนี้
     1. BEC: ราคาปิด 36.75 บาท  
        a. วานนี้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEC ประกาศขายหุ้นลักษณะ Private Placement (PP) จำนวน 100 ล้านหุ้น ราคา 34 บาท เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้น BEC และน่าจะทำให้แรงกดดันของราคาหุ้น BEC ลดลง 
        b. KELIVE ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานของ BEC ในช่วง 2H53 จากโดยในเดือน ก.ค. รายได้ค่าโฆษณามีการเติบโตแข็งแกร่งจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาสำหรับรายการละครช่วงเย็น รายการเก็บตก รายการสีสันบันเทิง ในอัตรา 9% และ รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ปรับขึ้น 13% ขณะที่อัตราการใช้เวลาโฆษณาสำหรับรายการช่วงนอกไพร์มไทม์ก็เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมีรายได้จากการออกอากาศการแข่งขันฟุตบอลโลกในช่วงดึก สำหรับรายได้จากกิจกรรมและการแสดงในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวดีขึ้นจากครึ่งแรกของปีเนื่องจากสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง และมีการจัดประกวด Miss Thailand World และ การแข่งขันเทนนิส
        c. กำไรปีนี้จะเติบโต 18% เป็น 3,102 ล้านบาท (1.55 บาท/หุ้น) และเพิ่มขึ้น 8% เป็น 3,339 ล้านบาท (1.67 บาท/หุ้น) ในปีหน้า อย่างไรก็ดีในประมาณการยังไม่ได้รวมค่าตอบแทนเพิ่มเติมในการต่อสัมปทานช่อง 3 ที่ต้องจ่ายให้กับ MCOT ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นจะเป็นจำนวนเงิน 405 ล้านบาทตามที่ทาง BEC เสนอหรือมากกว่านี้
     2. SMT: ราคาปิด 11.80 บาท ราคาเหมาะสม 14.40 บาท
        a. คาดการประชุมนักวิเคราะห์ในวันนี้ ตลาดอาจมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2553 ขึ้นจาก ณ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 459 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิใน 1H53 SMT ทำได้แล้วทั้งสิ้น 231 ล้านบาท ซึ่งหากประเมินจาก 2H ของทุกปีจะเป็นช่วง High Season ของธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน หากมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ และปีหน้าขึ้น ย่อมนำมาซึ่ง การปรับราคาเป้าหมายด้วยเช่น ณ ปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ 12.50 บาท (www.settrade.com)
        b. KELIVE คาดการเบื้องต้นว่ากำไรปกติ 3Q53 จะโต 103% yoy และ 9% qoq เป็น 130 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่  + กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกราว 10-15 ล้านบาทเป็นกำไรสุทธิ 140-145 ล้านบาท  และคาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/53  โดยธุรกิจที่ผลักดันการเติบโตคือ ระบบสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์เคลื่อนที่ Smart-phone และ ระบบเซ็นเซอร์วัดลมยาง (TPMS)
        c. คาดว่าบริษัทจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (งวด ครึ่งปีแรก) ที่ 0.20 บาท/หุ้นด้วย
What will DJIA move tonight? 
     คืนนี้ไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ 
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets เม็ดเงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 20 โดยกระจุกตัวอยู่ที่ TAIEX - KOSPI

     กระแสเงินทุนต่างชาติของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียไม่รวม SET วานนี้พบว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเป็น US$400 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$119 ล้าน เมื่อนักลงทุนต่างคาดหวังว่าเฟดจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ระบบอีกระลอก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในเอเชีย ในส่วนของภาคการส่งออกขยับดีขึ้น รวมถึงค่าเงินในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่า ทำให้นักลงทุนต่างชาติน่าจะมีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นเหล่านี้
     ทั้งนี้การซื้อสุทธิยังคงกระจุกตัวในตลาดหุ้นหลักอย่าง TAIEX ซื้อสุทธิมากถึง US$212 ล้าน ตามมาด้วย KOSPI ซื้อสุทธิ US$204 ล้าน ขณะที่ตลาด JSE และ PSE ถูกลดน้ำหนักการลงทุน US$12 ล้านและ US$4 ล้านตามลำดับ
ธุรกรรม Short-Selling วานนี้ตลาดกลับมาทำธุรกรรม Short-selling อีกครั้ง แต่มูลค่าไม่มาก
โดยกระจุกตัวในหุ้นหลักที่ราคาขยับขึ้นโดดเด่น
     Stock            Total Value   % of trading     Avg.Price
                        (mn Bt)        Volume           (Bt)
PTT                      36.02          2.04%          304.51
PTTEP                    30.29          1.35%          168.25
BBL                      23.25          2.76%          156.47
KBANK                    21.05          4.05%          116.97
PTTCH                     8.03          2.44%          133.76
     การทำธุรกรรม Short-selling วานนี้รวมทั้งสิ้น 146 ล้านบาท จากวันศุกร์ที่ไม่มีธุรกรรมดังกล่าว เมื่อ SET INDEX ฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่นวานนี้ ทำให้นักลงทุนบางส่วนกลับมาทำธุรกรรมลักษณะนี้อีกครั้ง แต่ก็เป็นไปอย่างระมัดระวังเช่นกัน เพราะปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางของ SET INDEX คือ มาตรการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทของรมว.คลังในวันนี้
     และเมื่อหุ้น PTT / PTTEP ขยับขึ้นอย่างโดดเด่น จึงกลายเป็นเป้าหมายของการทำ Short Sales นั้นเอง เพราะหากมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น หุ้นทั้ง 2 ย่อมเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ ของการลดน้ำหนักการลงทุนเช่นกัน รวมถึง PTTCH ซึ่งเป็นหุ้น High Beta แม้ว่าราคาหุ้นวานนี้จะเคลื่อนไหวได้จำกัดก็ตาม
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดวานนี้ แม้ว่าจะมีมาตรการแก้ไขค่าเงินบาทแข็งค่าในวันนี้ก็ตาม
     สภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบการเงินทั่วโลก บวกกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ทำให้เงินทุนต่างชาติมีข้อจำกัดในการลงทุนมากขึ้น และถึงแม้ว่าวันนี้ รมว.คลังไทยจะมีการเสนอมาตรการแก้ไขค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่ามาตรการภาษีในตลาดตราสารหนี้จะถูกหยิบยกมากดดันกระแสเงินทุนต่างชาติ แต่นักลงทุนต่างชาติกลับยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดวานนี้ โดยตลาดตราสารหนี้ ซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงสุด ซื้อสุทธิ 268 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 2,897 ล้านบาท
     ด้านตลาดหุ้นไทยนักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 671 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ  2,872 ล้านบาท รวมถึงการมีสถานะสุทธิ Long ในตลาด Futures ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมากถึง 2,619 สัญญา มูลค่าซื้อสุทธิ 56 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถประเมินได้ว่านักลงทุนต่างชาติวานนี้ Long สุทธิในสินค้าประเภทใดของ FUTURES และ NVDR ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 แม้ว่ามูลค่าซื้อสุทธิจะลดลง แต่หุ้นกลุ่มหลักยังคงเป็นเป้าหมายหลัก
     สภาพคล่องทางการเงินที่ล้นอยู่ในระบบการเงินทั่วโลก บวกกับทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ทำให้เงินทุนต่างชาติมีข้อจำกัดในการลงทุนมากขึ้น และถึงแม้ว่าวันนี้ รมว.คลังไทยจะมีการเสนอมาตรการแก้ไขค่าเงินบาท ซึ่งคาดว่ามาตรการภาษีในตลาดตราสารหนี้จะถูกหยิบยกมากดดันกระแสเงินทุนต่างชาติ แต่นักลงทุนต่างชาติกลับยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดวานนี้ โดยตลาดตราสารหนี้ ซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงสุด ซื้อสุทธิ 268 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 2,897 ล้านบาท
     ด้านตลาดหุ้นไทยนักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 671 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ  2,872 ล้านบาท รวมถึงการมีสถานะสุทธิ Long ในตลาด Futures ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 และมากถึง 2,619 สัญญา มูลค่าซื้อสุทธิ 56 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถประเมินได้ว่านักลงทุนต่างชาติวานนี้ Long สุทธิในสินค้าประเภทใดของ FUTURES
     การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 อีก 344 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 942 ล้านบาท สอดคล้องกับการรายงานภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติทั้งตลาดหุ้นไทยซื้อสุทธิลดลงเช่นกัน รวมซื้อสุทธิทั้ง 4 วันที่ผ่านมา 4,479 ล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า NVDR เน้นการลงทุนใน 2 กลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน และกลุ่ม ICT คล้ายคลึงกับภาพ NVDR เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  สรุปภาพ NVDR ดังต่อไปนี้
        1. กลุ่ม ICT ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิสูงสุด 276 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 255 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 274 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 398 ล้านบาท กลุ่มเกษตร และกลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ 180 ล้านบาท และ 126 ล้านบาท ตามลำดับ
        2. ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลับถูกขายสุทธิสูงสุด 379 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ขายสุทธิ 163 ล้านบาท และ 50 ล้านบาทตามลำดับ
ซื้อสุทธิสูงสุด   มูลค่าสุทธิ  % มูลค่าการซื้อขาย  ขายสุทธิสูงสุด   มูลค่าสุทธิ % มูลค่าการซื้อขาย
            (ล้านบาท)                                          (ล้านบาท)    
BANPU        288.59      14.64          LPN       -176.03       39.43
KBANK        204.20      42.72          CPF       -169.32        8.49
STA          193.06       8.87          SCB       -112.81       17.55
ADVANC       163.35      30.42          AP         -77.40       26.62
DTAC         116.39      18.66          QH         -60.69       17.46
     กลุ่ม ICT ที่เป็นเป้าหมายของการสะสมหุ้นผ่าน NVDR แน่นอนว่าย่อมกระจุกตัวอยู่ใน ADVANC และ DTAC ซึ่งสอดคล้องกับภาพ NVDR สัปดาห์กก่อนที่ NVDR ทยอยสะสมอย่างต่อเนื่อง วานนี้ NVDR สะสมอีก 163 ล้านบาท สำหรับ ADVANC และ DTAC อีก 116 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างหนาแน่นเช่นกัน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการพักเงินช่วงสั้นๆ รวมถึงผลการดำเนินงานของ DTAC ค่อนข้างเติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับ ADVANC - TRUE
     ด้านกลุ่มพลังงานนั้น NVDR วานนี้เลือกสะสม BANPU มากที่ถึง 289 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 36 ล้านบาท ขณะที่หุ้นกลุ่ม PTT นั้น NVDR เลือกลงทุนใน PTT ต่อเนื่องอีก 45 ล้านบาท ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 327 ล้านบาท
     ขณะที่เริ่มเห็นการขายทำกำไรในหุ้น PTTEP 26 ล้านบาท, TOP ขายสุทธิ 16 ล้านบาท และ PTTAR ขายสุทธิ 6 ล้านบาท ทั้งนี้การเคลื่อนไหวดังกล่าวคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แม้ว่าการขายสุทธิดังกล่าวจะเป็นมูลค่าที่ไม่มากก็ตาม
     หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุนผ่าน NVDR วานนี้ ไม่ว่าจะเป็น LPN, AP หรือ QH ที่ถูกขายสุทธิออกมาอย่างชัดเจนนั้น KimEng เชื่อว่านักลงทุนปรับน้ำหนักการลงทุนระหว่างกลุ่ม และอาจจำเป็นต้องขายทำกำไรในหุ้นบางส่วน เพื่อนำเงินไปลงทุนในกลุ่มอื่นที่มี Upside Gain มากกว่า ทั้งนี้ KimEng เชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ย RP1 วันที่น่าจะทรงตัวในการประชุมวันที่ 20 ต.ค. จะมีส่วนสำคัญต่อการผลักดันหุ้นกลุ่มนี้อีกครั้ง