ศุกร์ 22 ต.ค.--Daily Direction :
ที่มา : บล.บีฟิท
ประคองตัวก่อนวันหยุดยาว
แนวโน้มตลาดหุ้นแกว่งตัว ปัจจัยที่ยังคงพูดถึงกันมาก ก็ยังหนีไม้พ้นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน การประชุม จี-20 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ก็มีการหารือกันในประเด็นนี้เป็นหลัก ที่ผ่านมาแต่ละประเทศใหญ่ก็ใช้ค่าเงินเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตัวเองกันทั้งนั้นจนมีการห่วงกันว่าจะเป็นสงครามค่าเงิน และอาจส่งผลกระทบในภาพรวมของเศรษฐกิจโลกได้ ก็ต้องคอยดูว่าจะมีการร่วมมือกันจริงจังแค่ไหนในเรื่องนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจาก รมว.คลัง สหรัฐยืนยันว่าไม่มีนโยบายลดค่าเงินดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อดอลลาร์ ราคาน้ำมันก็กลับมาร่วงลงอีกครั้ง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐบวกไม่มากนัก โดยตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดี รวมทั้งผลประกอบการบริษัท ด้านจีนเองก็ดำเนินนโยบายลดสภาพคล่องในตลาด สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันก่อนหน้า ขณะที่มีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ก็ออกมาโต 9.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่ต่ำกว่าในไตรมาส 2 ที่โต 10.3% เรามองว่าเศรษฐกิจจีนจะยังมีการขยายตัวในระดับที่สูง ขณะที่ความพยายามในการลดผลจากเงินเฟ้อ จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพมากขึ้น สำหรับปัจจัยในบ้านเรา หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ย ก็ยังไม่มีประเด็นอะไร แต่ทางธปท.ก็ระบุว่ากำลังศึกษามาตรการระยะยาวอยู่ ดังนั้นประเด็นเรื่องเงินบาทของไทยช่วงนี้ก็คงจะไปตามภาวะตลาด ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่ออีก แต่ตลาดหุ้นก็ยังประคองตัวอยู่ เรามองวันนี้ยังน่าจะเป็นการแกว่งตัวแคบๆ อยู่ รอดูการประชุม จี-20 และปัจจัยใหม่ๆ แต่ก็อาจมีเล่นเก็งผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทที่จะออกมาดี
กลยุทธ์การลงทุน
* ระยะกลาง : ถือต่อ ... (จุดถอยอยู่ที่ 967 จุด)
* ระยะสั้น : ถือต่อ-เก็งกำไรต่อ ลุ้นตีฝ่าด่าน 1,000 จุด ... (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 980 จุด)
Market Viewpoint
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ +38.60 จุด หรือ +0.35% ปิดที่ 11,146.57 จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐ
น้ำมันดิบ NYMEX -1.98 ดอลลาร์ หรือ -2.4% ปิดที่ 80.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงเช้า และนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ระบุว่า เศรษฐกิจชะลอการเติบโตในไตรมาสสาม
สหรัฐ - เฟด ระบุในรายงาน Beige Book ว่า เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างเฉื่อยชาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และบรรดานายจ้างลังเลที่จะจ้างงานหรือลงทุน
เอเชีย - ไอเอ็มเอฟ คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียจะปรับตัวไปสู่อัตราที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในประเทศส่วนใหญ่
จีน - ธ.กลางจีนลดสภาพคล่องในตลาด / ขายตั๋วเงินคลัง 3 เดือนที่ดอกเบี้ยสูงขึ้น
เงินบาท - ธปท.ยังดูแลเงินบาทในระยะสั้นไม่ให้มีความผันผวนมากเกินไป เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้ พร้อมระบุว่า กำลังศึกษามาตรการระยะยาว
KTB - คงเป้าหมายสินเชื่อปีนี้เติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อน ขณะที่คาดว่าจะมีการเบิกใช้สินเชื่อมากในช่วงไตรมาส 4
TUF - เผยกองทุนสนใจจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP 2 เท่า, ราคาขายหุ้นละ 53 บาท
ที่มา : บล.บีฟิท
ประคองตัวก่อนวันหยุดยาว
แนวโน้มตลาดหุ้นแกว่งตัว ปัจจัยที่ยังคงพูดถึงกันมาก ก็ยังหนีไม้พ้นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน การประชุม จี-20 ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ก็มีการหารือกันในประเด็นนี้เป็นหลัก ที่ผ่านมาแต่ละประเทศใหญ่ก็ใช้ค่าเงินเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตัวเองกันทั้งนั้นจนมีการห่วงกันว่าจะเป็นสงครามค่าเงิน และอาจส่งผลกระทบในภาพรวมของเศรษฐกิจโลกได้ ก็ต้องคอยดูว่าจะมีการร่วมมือกันจริงจังแค่ไหนในเรื่องนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจาก รมว.คลัง สหรัฐยืนยันว่าไม่มีนโยบายลดค่าเงินดอลลาร์ ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อดอลลาร์ ราคาน้ำมันก็กลับมาร่วงลงอีกครั้ง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐบวกไม่มากนัก โดยตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดี รวมทั้งผลประกอบการบริษัท ด้านจีนเองก็ดำเนินนโยบายลดสภาพคล่องในตลาด สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันก่อนหน้า ขณะที่มีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ก็ออกมาโต 9.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่ต่ำกว่าในไตรมาส 2 ที่โต 10.3% เรามองว่าเศรษฐกิจจีนจะยังมีการขยายตัวในระดับที่สูง ขณะที่ความพยายามในการลดผลจากเงินเฟ้อ จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพมากขึ้น สำหรับปัจจัยในบ้านเรา หลัง กนง. คงอัตราดอกเบี้ย ก็ยังไม่มีประเด็นอะไร แต่ทางธปท.ก็ระบุว่ากำลังศึกษามาตรการระยะยาวอยู่ ดังนั้นประเด็นเรื่องเงินบาทของไทยช่วงนี้ก็คงจะไปตามภาวะตลาด ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่ออีก แต่ตลาดหุ้นก็ยังประคองตัวอยู่ เรามองวันนี้ยังน่าจะเป็นการแกว่งตัวแคบๆ อยู่ รอดูการประชุม จี-20 และปัจจัยใหม่ๆ แต่ก็อาจมีเล่นเก็งผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทที่จะออกมาดี
กลยุทธ์การลงทุน
* ระยะกลาง : ถือต่อ ... (จุดถอยอยู่ที่ 967 จุด)
* ระยะสั้น : ถือต่อ-เก็งกำไรต่อ ลุ้นตีฝ่าด่าน 1,000 จุด ... (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 980 จุด)
Market Viewpoint
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ +38.60 จุด หรือ +0.35% ปิดที่ 11,146.57 จากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทสหรัฐ
น้ำมันดิบ NYMEX -1.98 ดอลลาร์ หรือ -2.4% ปิดที่ 80.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในช่วงเช้า และนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ระบุว่า เศรษฐกิจชะลอการเติบโตในไตรมาสสาม
สหรัฐ - เฟด ระบุในรายงาน Beige Book ว่า เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างเฉื่อยชาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และบรรดานายจ้างลังเลที่จะจ้างงานหรือลงทุน
เอเชีย - ไอเอ็มเอฟ คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในเอเชียจะปรับตัวไปสู่อัตราที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในประเทศส่วนใหญ่
จีน - ธ.กลางจีนลดสภาพคล่องในตลาด / ขายตั๋วเงินคลัง 3 เดือนที่ดอกเบี้ยสูงขึ้น
เงินบาท - ธปท.ยังดูแลเงินบาทในระยะสั้นไม่ให้มีความผันผวนมากเกินไป เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้ พร้อมระบุว่า กำลังศึกษามาตรการระยะยาว
KTB - คงเป้าหมายสินเชื่อปีนี้เติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อน ขณะที่คาดว่าจะมีการเบิกใช้สินเชื่อมากในช่วงไตรมาส 4
TUF - เผยกองทุนสนใจจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP 2 เท่า, ราคาขายหุ้นละ 53 บาท