พฤหัสฯ 21 ต.ค.--Daily Direction :
ที่มา : บล.บีฟิท
เงินบาทกลับมาแข็งค่า หลังดอลลาร์ร่วงแรง / ตลาดมีลุ้นฟื้นตัวต่อ
ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ส่งผลต่อตลาดระยะสั้นๆ แม้ตลาดจะกังวลว่าการพยายามลดความร้อนแรงของจีนอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ถ้ามองอีกด้านการใช้นโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้นของจีนน่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพมากขึ้น โดยจะช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่และเงินเฟ้อของจีนบ้าง การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐก็แค่ปฏิกิริยาที่สั้นๆ เท่านั้น เพราะเมื่อคืนดอลลาร์ก็ลับลงไปอ่อนอีก หลังมีการระบุว่า เฟด มีแผนจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 5.00 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า และเปิดโอกาสที่จะมีการซื้อเพิ่มเติม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดีดตัวขึ้น รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐด้วย ที่ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัท สำหรับปัจจัยในประเทศเรา ที่ประชุม กนง. เมื่อวานก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ตลาด ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 1.75% แต่ก็ยังพยายามที่จะให้ทิศทางว่าอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นอยู่ โดยรวมก็น่าจะเป็นที่พอใจต่อตลาดระดับหนึ่ง แต่คงไม่น่าพอใจนักสำหรับบรรดาผู้ประกอบการส่งออกที่เคยออกมาเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับเงินบาทหลังอ่อนค่ามาบ้าง ก็จะกลับไปแข็งค่าอีก เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแรง ฉะนั้นก็ถือว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไม่ได้มีผลมากนักต่อค่าเงินบาท ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกไปบ้างวานนี้ แต่จากเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ก็ยังน่าจะกลับมาซื้อหุ้นไทยอีก สำหรับปัจจัยอื่นในบ้านเราก็ยังเป็นช่วงของการประกาศผลไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งที่ออกมาก็ถือว่าทำได้ดีกันเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ราคาหุ้นก็มีการเก็งกันไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีปฏิกิริยาไม่มากนัก แต่โดยภาพรวมของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เรายังแนะนำซื้อเนื่องจากยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มตลาด ทางเทคนิคยังมองลุ้นขึ้นต่อ
กลยุทธ์การลงทุน
* ระยะกลาง: ถือต่อ ... (จุดถอยอยู่ที่ 967 จุด)
* ระยะสั้น: ถือต่อ-เก็งกำไรต่อ ลุ้นตีฝ่าด่าน 1,000จุด (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 980จุด)
Market Viewpoint
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ +129.35 จุด หรือ +1.18% ปิดที่ 11,107.97 การร่วงลงของดอลลาร์กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคเอกชนด้วย
น้ำมันดิบ NYMEX +2.28 ดอลลาร์ หรือ +2.87% ปิดที่ 81.77 ดอลลาร์/บาร์เรล รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การดีดขึ้นของตลาดหุ้น และการที่ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาด
อัตราแลกเปลี่ยน - WTO เตือนความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอาจเป็นภัยคุกคามต่อการค้าโลก
เอเชีย - S&P ระบุในรายงานว่า เป็นที่คาดกันว่าธนาคารในเอเชียจะยังคงอยู่ในสภาวะที่ดีต่อไป หลังจากฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อยเป็นเวลาสั้นๆในเอเชียในปี 2009
อัตราดอกเบี้ย/กนง. - มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ 1.75% หลังมองปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ กนง.ระบุว่า วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยของไทย ยังคงเป็นขาขึ้น
ส่งออก - กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ย.53 มีมูลค่า 18,062 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเกินดุลการค้า 3.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออก 9 เดือนแรกปีนี้ โต 31.1% และเกินดุลการค้าราว 9.15 พันล้านเหรียญ
ที่มา : บล.บีฟิท
เงินบาทกลับมาแข็งค่า หลังดอลลาร์ร่วงแรง / ตลาดมีลุ้นฟื้นตัวต่อ
ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ส่งผลต่อตลาดระยะสั้นๆ แม้ตลาดจะกังวลว่าการพยายามลดความร้อนแรงของจีนอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ถ้ามองอีกด้านการใช้นโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้นของจีนน่าจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพมากขึ้น โดยจะช่วยลดความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่และเงินเฟ้อของจีนบ้าง การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐก็แค่ปฏิกิริยาที่สั้นๆ เท่านั้น เพราะเมื่อคืนดอลลาร์ก็ลับลงไปอ่อนอีก หลังมีการระบุว่า เฟด มีแผนจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมูลค่า 5.00 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 6 เดือนข้างหน้า และเปิดโอกาสที่จะมีการซื้อเพิ่มเติม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดีดตัวขึ้น รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐด้วย ที่ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัท สำหรับปัจจัยในประเทศเรา ที่ประชุม กนง. เมื่อวานก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ตลาด ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 1.75% แต่ก็ยังพยายามที่จะให้ทิศทางว่าอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้นอยู่ โดยรวมก็น่าจะเป็นที่พอใจต่อตลาดระดับหนึ่ง แต่คงไม่น่าพอใจนักสำหรับบรรดาผู้ประกอบการส่งออกที่เคยออกมาเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับเงินบาทหลังอ่อนค่ามาบ้าง ก็จะกลับไปแข็งค่าอีก เนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแรง ฉะนั้นก็ถือว่าการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไม่ได้มีผลมากนักต่อค่าเงินบาท ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกไปบ้างวานนี้ แต่จากเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ก็ยังน่าจะกลับมาซื้อหุ้นไทยอีก สำหรับปัจจัยอื่นในบ้านเราก็ยังเป็นช่วงของการประกาศผลไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งที่ออกมาก็ถือว่าทำได้ดีกันเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ราคาหุ้นก็มีการเก็งกันไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีปฏิกิริยาไม่มากนัก แต่โดยภาพรวมของหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เรายังแนะนำซื้อเนื่องจากยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง สำหรับแนวโน้มตลาด ทางเทคนิคยังมองลุ้นขึ้นต่อ
กลยุทธ์การลงทุน
* ระยะกลาง: ถือต่อ ... (จุดถอยอยู่ที่ 967 จุด)
* ระยะสั้น: ถือต่อ-เก็งกำไรต่อ ลุ้นตีฝ่าด่าน 1,000จุด (เผื่อจุดถอยไว้ที่ 980จุด)
Market Viewpoint
ตลาดหุ้นสหรัฐ ดาวโจนส์ +129.35 จุด หรือ +1.18% ปิดที่ 11,107.97 การร่วงลงของดอลลาร์กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในภาคเอกชนด้วย
น้ำมันดิบ NYMEX +2.28 ดอลลาร์ หรือ +2.87% ปิดที่ 81.77 ดอลลาร์/บาร์เรล รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การดีดขึ้นของตลาดหุ้น และการที่ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาด
อัตราแลกเปลี่ยน - WTO เตือนความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอาจเป็นภัยคุกคามต่อการค้าโลก
เอเชีย - S&P ระบุในรายงานว่า เป็นที่คาดกันว่าธนาคารในเอเชียจะยังคงอยู่ในสภาวะที่ดีต่อไป หลังจากฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเล็กน้อยเป็นเวลาสั้นๆในเอเชียในปี 2009
อัตราดอกเบี้ย/กนง. - มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ 1.75% หลังมองปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ กนง.ระบุว่า วัฏจักรอัตราดอกเบี้ยของไทย ยังคงเป็นขาขึ้น
ส่งออก - กระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ย.53 มีมูลค่า 18,062 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเกินดุลการค้า 3.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออก 9 เดือนแรกปีนี้ โต 31.1% และเกินดุลการค้าราว 9.15 พันล้านเหรียญ