พุธ 20 ต.ค.--Daily Focus :
ที่มา : บมจ.ฟินันเซีย ไซรัส

Today's Report : KBANK, ROJNA, TMB, TRUE
Our Portfolio Oct 2010 : BANPU, PTTEP, SCB, TUF, STEC
ยังต้องระวังแกว่งในกรอบ 980-1000 จุด และอาจหลุดลงหา 960 จุดได้!
     แนวโน้ม: ตลาดเริ่มรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้บ้าง แต่ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวขึ้น-ลงอยู่ในกรอบ 980-990 จุด ซึ่ง FSS คาดว่ายังต้องระวังการผันผวนของตลาด เพราะยังมีโอกาสที่จะหลุดต่ำกว่า 980 จุดเพื่อไหลลงหา 960 จุดอีกครั้งได้ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนยังรอดูผลการประชุมของ กนง. ในวันนี้ (20 ต.ค.) ก่อนว่าจะมีการกล่าวถึงมาตรการในการดูแลค่าเงินบาทหรือไม่ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ก็ไม่ค่อยสดใสนักด้วย อย่างไรก็ตามจังหวะตลาดปรับพักตัวลงเรายังมองว่าเป็นโอกาสที่จะเลือกหุ้นเข้าทยอยรับได้ เนื่องจากเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
     กลยุทธ์ : แนะนำให้ถือหุ้นได้ แต่ยังจำกัดพอร์ตไว้ไม่เกิน 50% ของเงินลงทุนจากนั้นส่วนที่เหลือรอให้ตลาดปรับตัวลงอีกครั้ง หรือรอดัชนียืนเหนือ 995 จุดได้ก่อนจึงพิจารณาซื้อเพิ่ม โดยหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มแบงก์ (SCB, KBANK, BBL, TCAP) ที่เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน รวมทั้งหุ้นพื้นฐานที่ราคาพักฐานลงมาบ้างแล้วเช่น TASCO, TTCL, ITD, STEC, CK, SEFCO, LPN เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
     (-) จีนปรับขึ้นดอกเบี้ยเหนือความคาดหมาย 0.25bps ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีขึ้นมาอยู่ที่ 5.56% จาก 5.31% เพื่อชะลอการขยายตัวของสินเชื่อที่โตเร็วเกินไปอาจก่อให้เกิด NPL การขึ้นดอกเบี้ยที่เหนือความคาดหมายและเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีเป็นลบกับตลาดหุ้นในเอเชียและราคา Commodity อาจทำให้เกิดการขายในระยะสั้น
     (+) World Bank GDP ไทยปีนี้ขึ้นเป็น 7.5% จากเดิม 6.1% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 8.9%) ส่วนปีหน้าคาดโต 3.2% (คาดเอเชียโตเฉลี่ย 7.8%) World Bank ไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยและไม่เห็นด้วยกับมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้าขณะที่ S&P จะเข้ามาเก็บข้อมูลในไทย 20-23 ต.ค. นี้ มีแนวโน้มปรับอันดับเครดิตของไทยขึ้น 1 ขึ้นจากปัจจุบัน BBB+ เป็น A1
     (+) คาด กนง.คงดอกเบี้ยที่ 1.75% เพื่อชะลอเงินไหลเข้า และเงินเฟ้อยังไม่ใช่ปัจจัยกดดันระยะนี้ ค่าเงินที่แข็งค่าก็ช่วยชะลอเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งแรงด้วย หุ้นที่ sensitive กับดอกเบี้ยได้แก่กลุ่มบ้านและรับเหมา STEC, CK, ITD, TTCL, TPOLY, SPALI
     (-) ผลกระทบน้ำท่วม ในระยะสั้นเป็นลบกับกิจการที่เสียหายเช่นร้านค้าปลีก CPALL, MAKRO รายได้เกษตรกรที่ถูกกระทบอาจกระทบยอดขายของ DCC, DRT รถยนต์ที่เสียหายอาจเป็น NPL กระทบต่อธุรกิจเช่าซื้อ TISCO, KK และบางส่วนของ TCAP ในระยะยาวจะเป็นบวกกับ TASCO, DCC, DRT, GLOBAL, HMPRO, TVO
     (+) KBANK กำไรดีกว่าคาด TMB ใกล้เคียงคาด KBANK กำไรดีกว่าคาด+6.8% Q-Q, +36.7% Y-Y สินเชื่อแตะระดับ 1 ล้านล้านบาทเป็นไตรมาสแรกเราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 140 บาท ส่วน TMB กำไรใกล้เคียงคาด ประเด็นการลงทุนของ TMB ขึ้นอยู่กับราคาขายหุ้นของคลังให้ ING หรือพันธมิตรรายอื่น
     Fund Flow วานนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ปริมาณไม่มาก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเชียและไต้หวันหนักสุด แต่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไทย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินในภูมิภาคเอเชียที่รวดเร็วเกินไป ประกอบตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอและนักลงทุนยังหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น ที่สำคัญขณะนี้มีแรงปะทะกันระหว่างการที่จีนประกาศขึ้นดอกเบี้ยหรือเป็นการถอนสภาพคล่องออกจากตลาด กับการที่เฟดกำลังจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะคาดได้ว่าตลาดจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางหรือไม่ อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาทันที่คือ ค่าเงินดอลลาร์หลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลอื่นทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ เพราะเฟดเตรียมจะออกอัดฉีดสภาพคล่อง ส่วนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของจีนแม้จะทำให้ทุกคนคิดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจริงๆ แต่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัจจัยลบต่อความเสี่ยง หรือมองเศรษฐกิจเอเชียในแง่ลบ
     * ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงรุนแรงสุดในรอบ 2 เดือน มาปิดลบ 165.07 จุด จากการขึ้นดอกเบี้ยของจีนอย่างเหนือความคาดหมาย รวมทั้งความวิตกที่ว่าภาคธนาคารอาจต้องสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการซื้อคืนตราสารหนี้จำนอง
     * ตลาดหุ้นในยุโรปก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทำให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในยุโรปปิดเป็นลบเกือบ 1% ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียเช้านี้ก็เปิดทำการด้วยการเคลื่อนไหวเป็นลบ แม้จะยังไม่ปรับลงรุนแรงมาก แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยลบให้กับตลาดหุ้นไทยด้วย
     * ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดดิ่งลง 3.59 ดอลลาร์อยู่ที่ 79.49 ดอลลาร์ หลังจีนขึ้นดอกเบี้ยอย่างพลิกความคาดหมายส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น
     * ราคาทองคำ COMEX เดือน ธ.ค. ปิดร่วงลง 36.10 ดอลล์อยู่ที่ 1,336.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
     * ค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวลดลง 12 จุดมาอยู่ที่ 2744 จุด โดยเป็นการปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
ข่าวภายในประเทศ
     * TMB คว้ากำไรสนั่นทุ่งมาตามนัด 777 ล้านบ. 'กสิกรไทย' ฟอร์มยังสด ฟาด 5 พันล้าน แบงก์ TMB ปั้นกำไรสุทธิ 8 ไตรมาสต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 3/53 ฟัน 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เอ็นพีแอลวูบเหลือ 9.5% ส่วนสินเชื่อพลิกเป็นบวก ด้าน "กสิกรไทย" กำไรสุทธิ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น36% ขณะที่ "ซีไอเอ็มบีไทย"(CIMBT) มีกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรก 894 ล้านบาท เป็นการพลิกจากขาดทุน 41 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเอ็นพีแอลปรับลดลงเช่นกันเหลือ 8.7% จาก 140.9% ในปลายปี'52 (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * PTTEP กำไรปีนี้ 3 หมื่นล้านปริมาณขายปิโตรเลียมพุ่ง PTTEP ลั่นกำไรปีนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกเก็บเข้ากระเป๋าแล้ว 2.1 หมื่นล้านบาทเนื่องจากปริมาณการขายปิโตรเลียมพุ่ง แถมบันทึกค่าประกันความเสียหายแหล่งมอนทาราบางส่วน เผยควบรวมกิจการแบบ M&A ได้เห็นในปีนี้ 1 ดีลด้านเงินลงทุนมีพร้อมแล้ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * MCS คว้างาน CK ฮุบออเดอร์สีม่วงยอดขาย 5 พันตัน MCS จ่อบุ๊ครายได้ขายเหล็กโครงสร้างให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 1 ให้ ช.การช่าง 5,000 ตัน ไตรมาส 4/53 ปริมาณงานส่งมอบสูงถึง 1.5-1.6 หมื่นตัน เหลืองานที่รอรับรู้อีก 7 หมื่นตันปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/53 ทรงตัวระดับ 42% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * GUNKUL ติดลมวันแรกพุ่ง 59% GUNKUL วันแรกพุ่ง 59% ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาชูปัจจัยพื้นฐานมั่นคง เดินหน้าประมูลงานไตรมาส 4 เพิ่มอีก 50 ล้านบาท ส่วนปีนี้รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เติบโต 10% เผยโครงการผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใช้เทคโนโลยีแบบ CIS รับผลดีลดความผันผวนวัตถุดิบได้ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * SC ผุดคอนโดใหม่ 3 โครงการ เจาะ 3 ทำเลใหม่มูลค่า 2.3 พันล้าน เปิดจองพ.ย.นี้ SC รุกหนักไตรมาส 4 ลุยเปิดคอนโดฯ 3 โครงการ 3 ทำเลใหม่ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ ทำเลใกล้รถไฟฟ้ารัชดา-สุทธิสาร มูลค่า 900 ล้านบาท ทำเลพหลโยธิน 11 มูลค่า 900 ล้านบาท และทำเลร่วมฤดี มูลค่า 300 ล้านบาท เล็งเปิดจองต้นเดือนพ.ย.นี้ คาดเริ่มบันทึกรายได้ปี 2554 และ 2555 พร้อมเดินหน้าเปิดตัวบ้านเดี่ยวอีก 4 โครงการ (ที่มา:นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * STA ลุ้นกำไร Q3 กระโดด140% Q4 ได้ดีราคายาง-ดีมานด์หนุน STA วิ่งรับอานิสงส์ดีมานด์อุตสาหกรรมยางสูง มองไตรมาส 3/53 กำไรก้าวกระโดด 140% เป็น 680 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/53 หลังราคายางปรับตัวขึ้น ประกอบกับยางรถยนต์ใหม่และยางรถยนต์อะไหล่ในจีนผลักดันการเติบโต เชื่อทั้งปีจ่ายปันผล 1.21 บาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
     * FORTH รวบตู้เน็ตทีโอที 2 พันล้าน ดันรายได้กระฉูด 30% AIT ราคาหุ้นถูกจ่ายปันผลสูง FORTH ตีปีกรายได้ครึ่งหลังดีกว่าช่วงแรก ล่าสุดชนะการประมูลคว้าโปรเจ็กต์ตู้อินเตอร์เน็ตทีโอทีอีกว่า 1,900 ล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 2553 เข้าเป้า 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% ยิ้มรับงานในมือทะลัก 2,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เล็งจับมือพาร์ทเนอร์ต่างชาติ ขยายไลน์ธุรกิจตู้เติมเงิน AIT ไม่น้อยหน้าโบรกฯ คาดกำไร Q3 กว่า 80 ล้านบาท แนะ "ซื้อ" ราคาถูกแถมปันผลสูงลิ่ว (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 20-10-2010)
ข่าวต่างประเทศ
     * ยุโรป: ดัชนีความเชื่อมั่นนลท.เยอรมนีร่วงลงต่อเนื่อง เหตุนลท.วิตกศก.ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีประจำเดือนต.ค. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัวลง สถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนี ซึ่งทำขึ้นเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้านั้นร่วงลงมาอยู่ที่ระดับติดลบ 7.2 จุดในเดือนต.ค. จากระดับติดลบ 4.3 จุดในเดือนก.ย. ทั้งนี้ ภาคการส่งออกที่แข็งแกร่งช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของเยอรมนีขยายตัวได้ 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ได้มีกระแสความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นในระยะนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนอกกลุ่มประเทศยุโรปที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเยอรมนี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
     * ยุโรป: เยอรมนีเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนต.ค.ร่วงต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ผลการสำรวจล่าสุดของสถาบัน ZEW ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจยุโรป พบว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือนในเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยรายงานของสถาบัน ZEW ระบุว่าดัชนีเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงสู่ระดับ -7.2 จุด ในเดือนตุลาคม เทียบกับระดับ -4.3 จุด ในเดือนกันยายน นับเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันและแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
     * สหรัฐอเมริกา: สหรัฐเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.3% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะระดับ 610,000 หลัง/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 580,000 หลัง/ปี ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมายมาจากตัวเลขการสร้างบ้านเดี่ยวที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.4% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 20-10-2010)
     * จีน: ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลวันที่ 20 ต.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% มีผลบังคับใช้ในวันพุธที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 แบงก์ชาติจีนระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีจะเพิ่มขึ้นจาก 5.31% เป็น 5.56% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)
     * จีน: ธนาคารโลกแนะจีนปรับสมดุลเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อการขยายตัวอย่างยั่งยืน ธนาคารโลกแนะจีนเดินหน้าปรับสมดุลเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นในขณะที่จีนกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมสำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า รายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกฉบับล่าสุดของธนาคารโลกระบุว่า จีนควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่เข้มงวดกว่าเมื่อปี 2552 เพื่อควบคุมกระแสคาดการณ์ด้านเงินเฟ้อและเพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงด้านการคลังของรัฐบาลท้องถิ่น (ที่มา: อินโฟเควสท์ 19-10-2010)