ศุกร์ 22 ต.ค.--รู้ทันหุ้น :
ที่มา : บมจ.เคจีไอ
บวกได้ในกรอบแคบ
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่จะผันผวนแรงเป็นวันที่สอง เนื่องจากกระแสข่าวในตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเก็บภาษีเงินทุนไหลเข้า 3% ซึ่งเรื่องนี้ถ่วง SET มาตั้งแต่เมื่อวานบ่ายแล้ว เรากำลังตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแต่เราคิดว่าทางการจะไม่ประกาศมาตรการในระยะนี้ เพราะเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากเงินดอลล่าร์ฯ ที่ไม่อ่อนต่อเนื่องแต่ออกมาเชิงผันผวนมากกว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ต่างพยายามบริหารจัดการความคาดหวังของนักลงทุนต่อประเด็นมาตรการกระตุ้นสภาพคล่อง (QE) ไม่ว่าจะเป็น รมว.คลังสหรัฐฯ ที่พูดอีกแล้วว่าเงินดอลล่าร์ฯ เทียบยูโรและเยนจะไม่อ่อนลงไปกว่านี้อีก ซึ่ง KGI มองว่าเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในช่วงที่กระแสแข่งกันทำเงินอ่อนเริ่มถูกโจมตี และเรายังแทงในข้างว่าดอลล่าร์ฯ จะอ่อนต่อไป ในขณะที่ผู้ว่าการเฟดเซ็นหลุยส์ ออกมาสนับสนุนการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งละ 1 แสนล้านเหรียญฯ และให้มีการประเมินภาพเศรษฐกิจเป็นครั้งต่อครั้งที่มีการประชุม FOMC (คือไม่ได้ประกาศครั้งเดียวในปริมาณมากๆ) ซึ่งก็สร้างความกังวลเล็กๆ กับตลาดเช่นกัน และต้องตามต่อจนถึงต้นเดือนหน้า สำหรับในวันนี้ดัชนีฯ น่าจะบวกในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านที่ 993 จุด และแนวรับที่ 987 จุด
กลยุทธ์ : สำหรับพอร์ตเทรดดิ้ง แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นหลักหากดัชนีฯ ปรับลง แต่ถ้าขึ้นไม่ซื้อให้รอสัปดาห์หน้า เนื่องจากความผันผวนจะสูงไปจนถึงการประกาศมาตรการสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. ส่วนพอร์ตลงทุนแนะซื้อช่วงอ่อนตัวได้ เพราะเรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นช่วงปลายปีจะปรับขึ้น จากเม็ดเงินต่างชาติและเม็ดเงิน LTF แนะซื้อ KTB*, BANPU* และหุ้นขนาดกลางที่แนวโน้มกำไรดีเช่น DELTA* และที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้เช่น TASCO, DCC และ DRT
ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
กรรมการผู้จัดการ KTB* นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ มั่นใจว่าสินเชื่อของ KTB จะสามารถขยายตัวได้ถึง 10% ตามเป้าในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินให้กู้ยืมแก่ภาครัฐฯ และคาดว่าสินเชื่อในไตรมาสที่ 4 ยังขยายตัวต่อเนื่อง (ที่มา: Bangkok Post) จากงบการเงินไตรมาสที่ 3 สินเชื่อ (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างจ่ายและรายการตลาดเงิน) เพิ่มขึ้น 9.13% เทียบจากสิ้นปี 2552 เป็น 1.169 ล้านล้านบาท ขณะที่เราคาดว่าสินเชื่อของ KTB จะสามารถขยายตัว 12.5% ในปีนี้
สภาอุตสาหกรรมยานยนต์รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือนก.ย.53 เท่ากับ 1.41 แสนคันเติบโต 36.8% YoY ทรงตัว QoQ ยอดผลิตรถยนต์โดยรวมงวดไตรมาส 3/53 เท่ากับ 4.28 แสนคัน เติบโต 63% YoY and 11% QoQ ทั้งนี้ยอดผลิตรถยนต์โดยรวมในงวดไรมาส 3/53 นั้นเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ และเรายังคงคาดว่ายอดขายของหุ้นในกลุ่มยานยนต์งวดไตรมาส 3/53 จะเติบโต YoY และ QoQ อย่างไรก็ตามยอดผลิตรถยนต์และยอดขายของหุ้นในกลุ่มคาดจะชะลอตัวลงในงวดไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายรถปิกอัพ และรถจักรยานยนต์ในต่างจังหวัด เรายังคงน้ำหนักการลงทุนเป็น "เท่ากับตลาด" หุ้นที่เราชอบในกลุ่มฯคือ SAT และ TSC
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- กรอบดัชนี SET สั้น 987-993 จุด
ดัชนี SET สั้นนี้กำหนดขึ้นได้ที่กรอบ 987-993 จุด ปิดเหนือต้านสั้น 993 จุด จะสะสมแรงดีดขึ้นทสดอบต้าน 999 จุด และต้าน 1006 จุด แต่หาก SET ปิดต่ำกว่ารับ 987 จุด จะอ่อนลงสู่กรอบรับ 977-967 จุด.
แนวรับวันนี้: 987/977/966 แนวต้านวันนี้: 993/999/1006
แนวโน้มดัชนี SET ระยะกลาง: จะเริ่มต้นขาลง ? เป้าหมายระยะกลาง: 875/---
ที่มา : บมจ.เคจีไอ
บวกได้ในกรอบแคบ
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้บ้าง แต่จะผันผวนแรงเป็นวันที่สอง เนื่องจากกระแสข่าวในตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเก็บภาษีเงินทุนไหลเข้า 3% ซึ่งเรื่องนี้ถ่วง SET มาตั้งแต่เมื่อวานบ่ายแล้ว เรากำลังตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแต่เราคิดว่าทางการจะไม่ประกาศมาตรการในระยะนี้ เพราะเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเกิดจากเงินดอลล่าร์ฯ ที่ไม่อ่อนต่อเนื่องแต่ออกมาเชิงผันผวนมากกว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ต่างพยายามบริหารจัดการความคาดหวังของนักลงทุนต่อประเด็นมาตรการกระตุ้นสภาพคล่อง (QE) ไม่ว่าจะเป็น รมว.คลังสหรัฐฯ ที่พูดอีกแล้วว่าเงินดอลล่าร์ฯ เทียบยูโรและเยนจะไม่อ่อนลงไปกว่านี้อีก ซึ่ง KGI มองว่าเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในช่วงที่กระแสแข่งกันทำเงินอ่อนเริ่มถูกโจมตี และเรายังแทงในข้างว่าดอลล่าร์ฯ จะอ่อนต่อไป ในขณะที่ผู้ว่าการเฟดเซ็นหลุยส์ ออกมาสนับสนุนการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งละ 1 แสนล้านเหรียญฯ และให้มีการประเมินภาพเศรษฐกิจเป็นครั้งต่อครั้งที่มีการประชุม FOMC (คือไม่ได้ประกาศครั้งเดียวในปริมาณมากๆ) ซึ่งก็สร้างความกังวลเล็กๆ กับตลาดเช่นกัน และต้องตามต่อจนถึงต้นเดือนหน้า สำหรับในวันนี้ดัชนีฯ น่าจะบวกในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านที่ 993 จุด และแนวรับที่ 987 จุด
กลยุทธ์ : สำหรับพอร์ตเทรดดิ้ง แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นหลักหากดัชนีฯ ปรับลง แต่ถ้าขึ้นไม่ซื้อให้รอสัปดาห์หน้า เนื่องจากความผันผวนจะสูงไปจนถึงการประกาศมาตรการสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. ส่วนพอร์ตลงทุนแนะซื้อช่วงอ่อนตัวได้ เพราะเรายังเชื่อว่าตลาดหุ้นช่วงปลายปีจะปรับขึ้น จากเม็ดเงินต่างชาติและเม็ดเงิน LTF แนะซื้อ KTB*, BANPU* และหุ้นขนาดกลางที่แนวโน้มกำไรดีเช่น DELTA* และที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้เช่น TASCO, DCC และ DRT
ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
กรรมการผู้จัดการ KTB* นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ มั่นใจว่าสินเชื่อของ KTB จะสามารถขยายตัวได้ถึง 10% ตามเป้าในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินให้กู้ยืมแก่ภาครัฐฯ และคาดว่าสินเชื่อในไตรมาสที่ 4 ยังขยายตัวต่อเนื่อง (ที่มา: Bangkok Post) จากงบการเงินไตรมาสที่ 3 สินเชื่อ (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างจ่ายและรายการตลาดเงิน) เพิ่มขึ้น 9.13% เทียบจากสิ้นปี 2552 เป็น 1.169 ล้านล้านบาท ขณะที่เราคาดว่าสินเชื่อของ KTB จะสามารถขยายตัว 12.5% ในปีนี้
สภาอุตสาหกรรมยานยนต์รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือนก.ย.53 เท่ากับ 1.41 แสนคันเติบโต 36.8% YoY ทรงตัว QoQ ยอดผลิตรถยนต์โดยรวมงวดไตรมาส 3/53 เท่ากับ 4.28 แสนคัน เติบโต 63% YoY and 11% QoQ ทั้งนี้ยอดผลิตรถยนต์โดยรวมในงวดไรมาส 3/53 นั้นเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ และเรายังคงคาดว่ายอดขายของหุ้นในกลุ่มยานยนต์งวดไตรมาส 3/53 จะเติบโต YoY และ QoQ อย่างไรก็ตามยอดผลิตรถยนต์และยอดขายของหุ้นในกลุ่มคาดจะชะลอตัวลงในงวดไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายรถปิกอัพ และรถจักรยานยนต์ในต่างจังหวัด เรายังคงน้ำหนักการลงทุนเป็น "เท่ากับตลาด" หุ้นที่เราชอบในกลุ่มฯคือ SAT และ TSC
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- กรอบดัชนี SET สั้น 987-993 จุด
ดัชนี SET สั้นนี้กำหนดขึ้นได้ที่กรอบ 987-993 จุด ปิดเหนือต้านสั้น 993 จุด จะสะสมแรงดีดขึ้นทสดอบต้าน 999 จุด และต้าน 1006 จุด แต่หาก SET ปิดต่ำกว่ารับ 987 จุด จะอ่อนลงสู่กรอบรับ 977-967 จุด.
แนวรับวันนี้: 987/977/966 แนวต้านวันนี้: 993/999/1006
แนวโน้มดัชนี SET ระยะกลาง: จะเริ่มต้นขาลง ? เป้าหมายระยะกลาง: 875/---