อังคาร 5 ต.ค.--รู้ทันหุ้น :
ที่มา : บมจ.เคจีไอ

แกว่งตัวในกรอบแคบ
     KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันอังคารจะรีบาวด์ก่อนซื้อขายในกรอบแคบ เรามองว่าจะมีแรงซื้อกลับหลังจากดัชนีฯ ร่วงแรงวานนี้เนื่องจากข่าวสารในตลาดซึ่งถูกหยิบยกมาอธิบายการขายหุ้นนั้นไม่มีนัยสำคัญมากนัก เราคิดว่าการเตือนภัยก่อการร้ายในประเทศหลักๆ ไม่น่าจะสร้างแรงกดดันมาก ขณะที่ข่าวทางการสวิสเตรียมให้ธนาคารใหญ่อย่าง UBS และ Credit Suisse เพิ่มทุนเพื่อรองรับเกณฑ์เงินกองทุนของมาตรการ Basel 3 นั้น อาจเป็นข่าวลบในระยะสั้นๆ แต่ระยะยาวก็เป็นการทำเพื่อความแข็งแกร่งนั่นเอง เราจึงมองว่าจริงๆ หุ้นแค่ขึ้นเร็วเกินไปและการทำกำไรเป็นเรื่องปกติ ในวันนี้การซื้อขายจะทรงๆ โดยแรงซื้อต่างชาติน่าจะมีต่อเนื่องในเชิงรอรับหุ้น ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯ มีความเสี่ยงที่จำกัด ทั้งนี้ความคาดหวังต่อมาตรการซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐฯ รอบใหม่ยังคงเป็นความหวังของตลาดโลก หลังจากประธานเฟด เบอร์นานกี ยังคงออกมาย้ำถึงประโยชน์ของมาตรการนี้ ทาง KGI คาดว่าสหรัฐฯ จะยังไม่มีการประกาศใดๆ ในสัปดาห์นี้ เพื่อรอการประกาศตัวเลขภาคแรงงานเดือน ก.ค. ในวันที่ 8 ต.ค. ส่วนในระยะสั้นกว่านั้นในคืนนี้จะมีรายงานดัชนีภาคบริการ (ISM Service) ซึ่งหากต่ำกว่าที่คาดก็จะเป็นปัจจัยรบกวนในระยะสั้นได้
     กลยุทธ์ : สำหรับการเล่นสั้นแนะเทรดดิ้งเร็วได้ในหุ้นที่มีประเด็นเฉพาะเช่น PTTEP* (ราคาหุ้นขึ้นช้า และราคาน้ำมันยืนสูง), KTB* (สินเชื่อโดดเด่น มูลค่าหุ้นยังดี) และหุ้นที่ดินซึ่งแนวโน้มไตรมาส 4 แกร่ง เช่น PS* และ LPN เป็นต้น ส่วนพอร์ตลงทุนให้หยุดซื้อและรอดูสถานการณ์ภายนอกก่อนสัก 1-2 วัน
ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
     สมาคมอสังหาฯ ฟันธงโค้งสุดท้ายปีนี้ ตลาดยังมีดีมานด์ สะท้อนภาพยอดขายมหกรรมบ้าน ครั้งที่ 23 คึก 4 วัน (30 ก.ย.-3 ต.ค.) ขายกว่า 3 พันล้านบาท โดยมียอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 แสนราย ขณะที่มียอดขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาททั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยนั้นจะซื้อในราคาที่ไม่สูงนัก โดยยังอยู่ในกลุ่มบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เชื่อปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในคอนโดคงไม่เกิด เพราะทุกคนมีประสบการณ์ และแบงก์เองก็เป็นผู้ที่คัดกรองในการปล่อยกู้โครงการอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า ในช่วงที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดคอนโดนั้นค่อนข้างคึกคัก มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม แต่ปีหน้า มองว่าตลาดน่าจะเปิดตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าผู้ประกอบการที่เปิดตัว หรือเปิดขายไปก่อนหน้าได้เร่งงานก่อสร้าง เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าตามสัญญา ซึ่งแต่ละแห่งใช้เวลา 2-3 ปี ขณะเดียวกัน ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดก็จะหันไปเน้นโครงการจัดสรรแนวราบ และสินค้าที่น่าจะได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ ทาวน์เฮ้าส์ ขณะที่สินค้าประเภทบ้านเดี่ยวน่าจะทรงๆ ตัว หรือปรับขึ้นไม่มาก ด้านศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เชื่อ ใน กทม. และปริมณฑล ยอดโอนอสังหาฯ สิ้นปีทะลุ 1.8 แสนหน่วย
     แนวโน้มอุปสงค์การใช้เหล็กโลกปี 2554 คาดจะเติบโตในอัตราที่ลดลงเป็น 5.3%  YoY เปรียบเทียบจากระดับ 13.1% ในปี 2553: แม้การเติบโตดังกล่าวจะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ยอดการบริโภคเหล็กของโลกยังเติบโตทำสถิติสูงสุดเท่ากับ 1.34 พันล้านตัน โดยประเทศจีนยังเป็นผู้บริโภคหลักของโลกที่มีสัดส่วนสูงถึง 45% ของการบริโภคโดยรวมของโลก ดังนั้น ทิศทางการเติบโตของอุปสงค์การใช้เหล็กโลกที่ยังมีความมั่นคงและรวมถึงราคาต้นทุนวัตถุดิบการผลิตเหล็ก อาทิ สินแร่เหล็กที่เริ่มขยับขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาเหล็กตั้งแต่ในช่วง 4Q53 เริ่มปรับเพิ่มขึ้น สำหรับประเทศไทย นอกจากจะได้รับผลบวกจากราคาเหล็กที่ขยับขึ้นแล้ว การเติบโตของอุปสงค์การใช้เหล็กในประเทศทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชน คาดจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการในประเทศกลับมาสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง และเราประเมินผู้ผลิตเหล็กอย่างTSTH และผู้ค้าเหล็กอย่าง TMT จะได้รับประโยชน์สูงสุด
จิตวิทยาตลาดวันนี้ :  --- 'ขาย.
     ดัชนี SET มีนัยสำคัญที่ 975 จุดวันนี้ ว่าหาก SET ดีดกลับขึ้นไปยืนเหนือ 975 จุดได้ จะรักษาแรงผลักทางขึ้นไว้ได้ แต่หาก SET วันนี้ ยังคงต่ำกว่า 975 จุด จะเริ่มต้นแรงกดเพื่อปรับฐานลงทดสอบรับ 922 จุดได้.
แนวรับวันนี้:         961/950/941          แนวต้านวันนี้:  975/980/985
แนวโน้มดัชนี SET ระยะกลาง:  จะเข้าสู่ขาลง ? เป้าหมายระยะกลาง: 875/---