อังคาร 12 ต.ค.--Daily Focus :
ที่มา : บมจ.ฟินันเซีย ไซรัส

Today's Report : Special report, Commodities WoW, PS, SCC, TISCO Our Portfolio Oct 2010 : BANPU, PTTEP, SCB, TUF, STEC
ตลาดเริ่มขยับขึ้นต่อ โดยจุดถัดไปที่ต้องระวังแรงขายคือ 986-996 จุด!!
     แนวโน้ม: นักลงทุนต่างประเทศชะลอการเข้าซื้อลงอีกครั้ง เพื่อรอดูความชัดเจนของมาตรการแบงก์ชาติและกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาทที่คาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันนี้(12 ต.ค.) อย่างไรก็ตามค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงบ้างแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันบ้างแม้ว่าจะเคลื่อนไหวเป็นลบในกรอบจำกัด แต่ FSS คาดว่าอาจส่งผลให้SET แกว่งตัวผันผวนและกลับมาเคลื่อนไหวเป็นลบอีกครั้งได้ โดยเฉพาะที่ระดับดัชนี 980-986 จุดที่เป็นระดับสูงสุดของตลาดในรอบที่เพิ่งผ่านมาและบริเวณ990-996 จุดที่เป็นแนวต้านทางเทคนิค ดังนั้นต้องระวังการแกว่งตัวขึ้น-ลงในกรอบ 950-990 จุดโดยประมาณในช่วงถัดไปไว้ด้วย
     กลยุทธ์ : ตลาดขยับขึ้นให้เน้นถือเพื่อรอขายทำกำไร โดยอาจแบ่งส่วนขายทำกำไรเป็นระยะๆ ส่วนหุ้นที่ยังน่าสนใจเทรดดิ้งได้แก่ SCB, KBANK, BBL, CK, STEC, ITD, TASCO, TTCL, AMATA, IRPC, ESSO, PTTEP, PTTAR, BANPU, BCP, GLOW, SEAFCO, SITHAI, VNG, KCE, HANA, CCET เป็นต้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
     (+) จับตามาตรการแก้บาทแข็ง 'กรณ์' ชงครม.แพคเกจลดผลกระทบบาทแข็งวันนี้ ข่าวเบื้องต้นจะเป็นการประกันความเสี่ยงค่าเงินให้กับผู้ส่งออก และเก็บภาษีจากการลงทุนในพันธบัตรและเงินฝากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ 'กรณ์' ย้ำว่าจะไม่แก้ปัญหาโดยใช้มาตรการระยะสั้น จึงเชื่อว่านอกจากจะไม่มีมาตรการเป็นลบกับตลาดหุ้น การขึ้นภาษีดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรยังจะทำให้เม็ดเงินย้ายออกจากพันธบัตรมาเข้าตลาดหุ้นด้วย
     (+) เรามองข้ามไปถึงการประชุม Fed 2-3 พ.ย. ตลาดคาดว่าน่าจะมีการเพิ่มสภาพคล่องรอบ 2 (QE2) ซึ่งจะเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นในเอเชียจะกลับมา rally อีกครั้ง หุ้นกลุ่ม Big cap. ทั้งพลังงานและแบงก์จะนำตลาด ตามด้วยกลุ่ม Domestic เช่นค้าปลีก (CPALL) และอสังหาฯ (STEC, ITD, CK, AMATA, SPALI, PS)
     (+) SCC คาดกำไรชะลอตัวจากทุกธุรกิจทั้งปูนที่เป็น Low season และMargin ที่ลดลงในธุรกิจกระดาษและปิโตรเคมี แต่ 4Q10 จะฟื้นตัวและเติบโตในอัตราเร่งปีหน้า เรายังคงแนะนำซื้อโดยปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 375 บาทหลังคดีมาบตาพุดชัดเจน
     (0) TISCO กำไรดีกว่าคาดเล็กน้อย แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Spread) ชะลอลงจากไตรมาสก่อนแม้ว่าจะยังรักษาได้ในระดับสูงที่ 5% เพราะต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามวงจรขาขึ้นของดอกเบี้ย เราปรับเป้าหมายขึ้นเป็น 44 บาทแต่มีมุมมองเป็นบวกน้อยลง แบงก์ใหญ่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าเช่น SCB, BBL, KBANK
     Fund Flow วานนี้ยังไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่อง 22 วันติดต่อกัน ด้วยปริมาณการซื้อสุทธิที่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มาก ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเกี่ยวกับว่าธนาคารกลางในภูมิภาคอาจออกมาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้าหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าทำสถิติใหม่อีกครั้งนอกจากนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าเฟดอาจจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ สำหรับแนวโน้มFund Flow วันนี้จะยังคงไหลเข้าแต่เบาบางเพื่อรอดูท่าทีของธนาคารกลางในแต่ละประเทศในเอเชียว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาสกัดกั้น Fund Flow หรือไม่และมากน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามในระยะกลางเรายังเชื่อว่าเม็ดเงินจะยังไหลเข้าเพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
กลยุทธ์ที่น่าจะเหมาะกับการเก็งกำไรช่วงนี้ยังคงเป็น Sell into Strength และ Buy on Weakness
     * ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวแคบๆ ในกรอบ +/- ประมาณ 20 จุดเศษ ก่อนจะปิดเป็นบวก 3.86 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบางสุดของปีนี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังรอดูผลการดำเนินงานรายไตรมาสของบริษัทสำคัญๆ ในสัปดาห์นี้ก่อน ซึ่งอินเทล คอร์ปจะประกาศผลประกอบการไตรมาส3/53 ในคืนวันนี้
     * ดัชนี VIX ปรับลดลงอีกกว่า 8% มาอยู่ที่ระดับ 18.96 จากการคาดหวังว่าเฟดจะอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ตลาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เร็วๆ นี้
     * การคาดการณ์ว่าเฟดจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แต่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลงอยู่เล็กน้อย
     * ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 0.45 ดอลลาร์อยู่ที่ 82.21 ดอลลาร์ หลังดอลลาร์เริ่มแข็งค่า ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง
     * ราคาทองคำ COMEX เดือน ธ.ค. บวกอีก 9.10 ดอลล์ อยู่ที่ 1,354.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังคาดเฟดเตรียมใช้มาตรการ QE2
     * BDI Index ปิดที่ 2695 จุดลบเพียง 1 จุดหลังขยับขึ้นต่อเนื่องมา 6 วันติดต่อกันกว่า 10%
ข่าวภายในประเทศ
     * ทีโอทีไฟเขียวเอไอเอส ร่วมทำตลาด MVNO 3G 365 ดิ้นคลอด 3G เหมาจ่าย หวั่นไม่ทันขบวนรถไฟ ผู้บริหารทีโอทีไฟเขียว AIS ร่วมทำเอ็มวีเอ็นโอ 3 จีทีโอที พร้อมเสนอบอร์ดไฟเขียว 14 ต.ค.นี้ ลั่นได้ประโยชน์สูงสุดไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด แถมเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ระบุที่ผ่านมา AIS ส่งรายได้เข้าทีโอทีกว่า 1.4 แสนล้านบาทแล้ว ฟาก "ค่าย 365" ก้นร้อนเร่งคลอดแคมเปญ "3 จีเหมาจ่าย" เดือนละ 790 บาทใช้ไม่จำกัด กรุยทางรอทีโอทีทั่วประเทศ ระบุช้าไปไม่ได้ หาก ADVANC ได้ทำเอ็มวีเอ็นโอ (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * TOP กำไร Q3 พุ่ง 2 พันล้าน ค่าการกลั่นเกิน 4 เหรียญ "สุรงค์" ย้ำแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3 สวย หลังค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นแตะ 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันยืนเหนือ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลช่วงปลายปีนี้ ด้านโบรกฯประสานเสียงแนะ "ซื้อ" TOP หลังเตรียมโชว์กำไรไตรมาส3 เพิ่มเท่าตัวมาอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * SIRI ยอดขายพุ่ง 2.2 หมื่นลบ. โชว์แบ็กล็อกทะลัก 2.6 หมื่นล้าน สูงที่สุดในตลาด "แสนสิริ" แรงไม่หยุด เริ่มต้นไตรมาส 4 เพียง 10 วันยอดขายพุ่งกว่า 5,500 ล้านบาท ดันยอดขายรวมล่าสุดกระฉูด 22,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของเป้ายอดขายทั้งปี 25,000 ล้านบาท หนุนแบ็กล็อกทะลัก 26,000 ล้านบาท สูงที่สุดในตลาดอสังหาฯ ขณะที่ยอดขายจากงาน "Sansiri Iconic Living" 3 วัน กวาดยอดขายรวมกว่า 2,200 ล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * ทริสอัพเครดิต BCP จาก BBB+ ขึ้นเป็น A- สะท้อนธุรกิจแกร่ง รายงานจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCPเป็น "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" จากเดิมที่ระดับ "BBB+" แนวโน้ม "Positive" หรือ "บวก" โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จในการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันให้เป็นโรงกลั่นแบบซับซ้อน (Complex Refinery) และส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจการตลาดน้ำมันซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นพลังงานทดแทนซึ่งอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รวมถึงการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานอื่นๆ อีกทั้งยังพิจารณาถึงความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นด้วย (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น12-10-2010)
     * PRIN เจอพิษโอนคอนโดสะดุดแย้มรายได้ปีนี้หลุดเป้า 5 พันล. "ปริญสิริ" ยอมรับยอดโอนคอนโดฯ สมาร์ท พระราม 2 สะดุด บุ๊ครายได้ต่ำกว่าเป้า เหตุยอดลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านพุ่งจนต้องยกเลิกยอดขายกว่า 200 ล้านบาท ฉุดรายได้รวมไตรมาส 3 ทรุด พร้อมคาดทำรายได้ปีนี้ต่ำกว่าเป้า 5 พันล้านบาท (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * UAC เทรดวันแรกเหนือจอง 40% นักลงทุนมั่นใจอนาคต ย้ำรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า10% หุ้น UAC เทรดวันแรกคึกคัก ปิดตลาด 5.70 บาทเพิ่มขึ้น 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 42.5% จากราคาไอพีโอ 4 บาท ด้านเอ็มดี "กิตติ" เชื่อราคายืนเหนือจอง เพราะนักลงทุนเห็นภาพการเติบโตในอนาคต ย้ำรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำ 10% (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
     * GUNKUL วันแรกนักลงทุนสนใจเพียบ การันตีธุรกิจแข็งแกร่ง ภาวะตลาดหุ้นเอื้อการลงทุน "กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง"เปิดจองวันแรกกระแสตอบรับสุดยอด นักลงทุนให้ความสนใจเพียบ "ทิสโก้" ยันหุ้น GUNKUL ขายหมดหายห่วง ชี้ปัจจัยบวกเพียบ ทั้งปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการขยายตัวดีต่อเนื่อง อนาคตแนวโน้มสดใสผนวกกับสภาพตลาดหุ้นกำลังคึกคัก (ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น 12-10-2010)
ข่าวต่างประเทศ
     * สหรัฐอเมริกา: โอบามาหนุนใช้จ่ายโครงการสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ย้ำว่าการเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงานในสหรัฐ "รัฐบาลต้องวางแผนระยะยาวด้วยการสนับสนุนโครงการก่อสร้างถนน ทางรถไฟ และรันเวย์ใหม่ภายในในประเทศ โดยในอีก 6 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะก่อสร้างถนนยาว 150,000 ไมล์รวมทั้งก่อสร้างทางรถไฟ 4,000 ไมล์ ซึ่งมีความยาวจากชายฝั่งด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง และจะก่อสร้างรันเวย์ยาว 150 ไมล์ ตลอดทั้งระบบควบคุมการจราจรทางอากาศรุ่นถัดไปเพื่อลดอัตราความล่าช้าของเที่ยวบิน" โอบามากล่าวที่ทำเนียบขาว (ที่มา: อินโฟเควสท์ 12-10-2010)
     * จีน: ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนพุ่งทำนิวไฮที่ $6.6732 ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่ากลางของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนประจำวันที่ 11 ต.ค. ที่ระดับ 6.6732 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดระดับใหม่ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจปรับเงินหยวนให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของจีนอาจปูทางไปสู่การปรับขึ้นค่าเงินหยวนและอาจยกเลิกนโยบายการผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาด GDP จีนไตรมาส 3 ชะลอตัวลงต่ำกว่าระดับ 10% ผลการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันการเงิน 22 แห่งของจีนชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 10% ในไตรมาส 3 โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวอยู่ที่ 9.4% นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ยังคาดการณ์ด้วยว่า การขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.อาจจะเทียบเท่าหรือเท่ากับอัตราการขยายตัวเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการคาดการณ์การขยายตัวของ CPI โดยเฉลี่ย จะอยู่ที่ 3.5% เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * จีน: นักเศรษฐศาสตร์คาดการค้าระหว่างประเทศของจีนชะลอตัวในเดือนก.ย. นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า การส่งออกและการนำเข้าของจีนในเดือนก.ย.อาจจะชะลอตัวลง โดยซิติค ซิเคียวริตีส์ คาดว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ย.อาจจะขยายตัว 23.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงจากระดับ 34.4% ในเดือนส.ค. ส่วนการนำเข้าอาจจะเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากระดับ 35.2% ในเดือนส.ค. ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าเดือนก.ย.อาจจะอยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)
     * เอเชีย: มาเลเซียเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 4% สำนักงานสถิติมาเลเซียเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (IPI) มาเลเซียประจำเดือนส.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะได้รับอานิสงส์จากดัชนีภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 6.8% และดัชนีไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น 4.9% ดัชนีผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัว 6.8% นั้นได้รับปัจจัยหนุนจากการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัว 11.2% ขณะที่ผลผลิตสินค้าในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ยาสูบทะยานขึ้น 10.6% (ที่มา: อินโฟเควสท์ 11-10-2010)