จันทร์ 17 ต.ค.2554--eFinanceThai.com :
น้ำท่วมซัด บจ.ระทม

        บจ.สำลักน้ำท่วม ชักแถวชะลอการผลิต-ปิดโรงงาน โบรกฯ ชี้ หุ้นกลุ่มยานยนต์-อิเล็กฯ อ่วมสุดยอดขายวูบแน่ แต่หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง–เกษตรฯ/อาหาร ได้ประโยชน์ HANA-KCE สุดเศร้า ระบุ พยายามเต็มที่แล้วแต่ต้านกระแสน้ำไม่อยู่ ด้านTTW-TISCO-AGE ดี๊ด๊ารอดน้ำท่วม ส่วนBIGCงัดสารพัดแผนรับมือเชื่อเอาอยู่ ทิสโก้ คาดน้ำท่วมทำพินาศราวแสนลบ.
        สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเวลานี้ รุนแรงกระทบทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม แม้หลายฝ่ายร่วมใจฮึดสู้เพื่อรับมือป้องกัน แต่ดูเหมือนจะสุดแรงต้านกระแสน้ำได้ หนำซ้ำยังต้องลุ้นระทึกกับสภานการณ์น้ำเหนือที่ไหลเข้าจ่อท่วมกรุงเทพฯ เมืองหลวงศูนย์กลางเศษฐกิจประเทศ และสัปดาห์นี้ต้องจับตาใกล้ชิดว่ากรุงเทพฯจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด ภาพจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นดูแย่ลงต่อเนื่อง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมมีปัญหาแน่นอน ถึงขนาดนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมายอมรับว่าน้ำท่วมอาจกระทบจีดีพีมากกว่า 0.6-0.9% พร้อมหลั่งน้ำตาร่ำไห้หลังน้ำไหลทะลักเข้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทค (บ้านหว้า) จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ก่อนหน้านั้น นิคมอุตสหากรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ได้รับผลกระทบไปแล้ว
* โบรกฯ ชี้ หุ้นกลุ่มยานยนต์-อิเล็กฯ กระอักยอดขายวูบแน่ แต่หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง – เกษตรฯ/อาหาร ได้ประโยชน์
        บทวิเคราะห์ ด้าน บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่าผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในภาคกลาง และกำลังเข้ามาสู่กรุงเทพมหานครในอีกไม่กี่วันข้างหน้า น่าจะกดดันต่อเศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และน่าจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
        โดยพื้นที่น้ำท่วมหนักเริ่มตั้งแต่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ จ.อยุธยา ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการสนับสนุน ชิ้นส่วนยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และตามมาคือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา มีพื้นที่ทั้งหมด 1 หมื่นไร่ โรงงานกว่า 200 แห่ง แต่ที่ท่วมเป็น Phase 1 พื้นที่ 3.6 พันไร่ 20 โรงงาน (อีก 2 Phase ยังอยู่ในภาวะวิกฤต) ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนยนต์ (ฮอนด้า) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปโภคบริโภค เป็นต้น
        ทั้งนี้ทำให้โรงงานเหล่านี้ต้องหยุดผลิตชั่วคราว ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และในที่สุดกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงการตัดสินใจซื้อหรือลงทุนของผู้บริโภค หรือผู้ลงทุนต้องล่าช้าออกไป จึงคาดว่าอุตสาหกรรมที่พึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศจะถูกกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้
        บทวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ระบุว่า เมื่อสถานการณ์น้ำท่วม หรือเหตุการณ์เลวร้ายผ่านไป เชื่อว่าน่าจะเห็นบางอุตสาหกรรมที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับประโยชน์ วัสดุก่อสร้าง หลังจากที่เหตุการณ์น้ำท่วมได้ผ่านไปแล้ว ในงวด 1Q55 คาดหมายว่าจะเกิด Demand ที่เพิ่มขึ้นจากภาวะปกติในส่วนของวัสดุก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น ปูนฯ, เหล็ก, ยางมะตอย หรือสินค้าในกลุ่มกระเบื้อง ซึ่งหุ้นที่จะได้รับประโยชน์ได้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ในแต่ละอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น SCC, SCCC, TPIPL, DCC, DRT, TASCO เป็นต้น โดยหุ้นที่เป็น Top Pick ในกลุ่มได้แก่ SCC (Fair Value 454 บาท) อีกกลุ่มธุรกิจหนึ่งที่คาดว่าได้รับผลกระทบน้อย และยังเป็นกลุ่มที่น่ายังไปได้ดีคือกลุ่มเกษตร-อาหาร ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาสินค้าที่อาจปรับสูงขึ้นหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งบริษัทที่น่าจะมีความโดดเด่นที่สุดแก่ CPF (Fair Value 46.71 บาท)
        สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น นักลงทุนควรถือเป็นการลงทุนระยะกลาง-ยาว เนื่องจากกว่าประโยชน์ที่ได้รับจะถูกสะท้อนออกมาผ่านงบการเงิน ก็อาจเป็นงวด 1Q55 นักลงทุนควรถือโอกาสที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาเข้าสะสมหุ้น
* บริษัทญี่ปุ่น อ่วมหนัก หลังหยุดการผลิตชั่วคราว จากเหตุน้ำท่วมหนักในนิคมฯ อยุธยา
        รายงานข่าวระบุว่า บริษัทต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วยอาทิ บริษัทผู้ผลิตกล้องชั้นนำอย่าง นิคอน, โตโยต้ามอเตอร์, ฮอนด้า มอเตอร์, อิซูซุ มอเตอร์ส โดยได้สั่งระงับการผลิตชั่วคราวแล้ว
        บริษัทนิคอน ผู้ผลิตกล้องชื่อดังของญี่ปุ่น ที่ต้องหยุดการผลิตลงในทันที หลังจากที่โรงงานในอยุธยาได้รับความเสียหายหนักจากน้ำท่วม ซึ่งนาย ยาสุยูกิ ทาเคดะ โฆษกนิคอน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ว่า นิคอนยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะกลับมาเดินสายการผลิตได้อีกครั้งเมื่อไหร่ หลังจากที่โรงงานที่อยุธยาซึ่งเป็นฐานการผลิตกล้อง “ดีเอสแอลอาร์” ของนิคอนถูกน้ำท่วมหนักในครั้งนี้
        ขณะที่บริษัท ไพโอเนียร์ คอร์ป ผู้ผลิตเครื่องเสียงและเทคโนโลยี รถยนต์ของญี่ปุ่น ก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมนิคมฯ ในอยุธยาเช่นเดียวกัน โดย ฮิโรมิตสึ คิมูระ โฆษกของไพโอเนียร์ กล่าวว่า โรงงานในไทยนั้นถือว่าเป็นฐานการผลิตใหญ่ของไพโอเนียร์ทีเดียว
        ส่วนบริษัท โซนี คอร์ป ก็ระงับการผลิตโรงงานกล้องดิจิตอล ที่จังหวัดอยุธยาแล้ว และบริษัทโตโยต้า ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้สั่งระงับการผลิตเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 15 ต.ค. นี้ก่อนที่จะพิจารณาต่อไปว่าจะสามารถกลับมาผลิตได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โตโยต้าระบุว่า แม้ว่าโรงงานผลิตทั้ง 3 แห่งของโตโยต้า ที่ สำโรง, บ้านโพธ์ และเกตเวย์ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา จะ ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ทว่าซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนของโตโยต้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก และไม่สามารถส่งชิ้นส่วนมาได้
        สำหรับฮอนด้า มอเตอร์ ซึ่งโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ที่อยุธยาได้รับความเสียหายหนักนั้นระบุว่า ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ในขณะนี้เพราะโรงงานยังจมน้ำอยู่ และเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่ได้
        นอกจากนั้น ทางด้าน อีซูซุ มอเตอร์ส ก็สั่งระงับการผลิตที่โรงงาน สอง แห่งในไทยแล้วเช่นกัน หลังจากที่เริ่มขาดวัสดุชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่ไม่สามารถส่งมาโรงงานได้
        ด้านมิตสุโอะ ชิมิสุ นักวิเคราะห์จาก กองทุน คอสโม ซิเคียวริตี้ ในกรุงโตเกียวให้ความเห็นว่า “การระงับการผลิตของบริษัทต่างๆ นั้น จะนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนสินค้าครั้งใหญ่ โดยความเสียหายในภาคการผลิตยานยนต์ สินค้าอิเลคโทรนิค และชิ้นส่วนจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาก”
* NNCL ชี้ น้ำท่วมทำวัตถุดิบ-ชิ้นส่วนยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์ขาดแคลน
        นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ภาคกลางนั้น บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีเขื่อนขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ นอกจากนี้ ยังขุดคลองระบายน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ระบายน้ำได้ถึง 9 แสนคิวต่อวัน และยังนำกระสอบทรายไปกั้นตามเส้นทางน้ำ จังหวัดปทุมธานี เพื่อชะลอกระแสน้ำรอบนอกประกอบกับมีการร่วมมือกับท้องถิ่นรอบๆ พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
        "คาดกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ จะได้รับผลกระทบมากสุด เพราะขาดแคลนวัตุถดิบหลังจากสวนอุตสาหกรรมโรจนะมีการปิดโรงงานทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าระหว่างกันได้ "นายนิพิฐ กล่าว
        อนึ่งบริษัทดังกล่าว มีแผนระยะยาวที่มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งมีระบบคูคลองภายในไว้รองรับ พร้อมกับการขยายพื้นที่ทุกปี และร่วมมือกับท้องถิ่นรอบๆ รวมทั้งกรมชลประทานในการดูแลคูคลองระบบน้ำโดยรอบ เพื่อป้องกันอุทกภัย
* AH เผยหยุดผลิต-ปิดโรงงานที่ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค แต่บริษัททำประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายไว้เรียบร้อยแล้ว
        นาย เย็บ ซู ชวน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากที่บริษัทฯ ได้แจ้งถึงสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริษัทฯ ขอรายงานให้ท่านทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันดังด่อไปนี้
        ณ ขณะนี้น้ำเริ่มเข้าท่วมภายในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคแล้ว โดยที่โรงงานของ บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้หยุดการผลิตและปิดโรงงานชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวาน (12 ตุลาคม 2554) ในส่วนของความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้
        แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ทำประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายต่อทรัพย์สินและความเสียหายจากการหยุดชะงักทางธุรกิจไว้แล้ว ทั้งนี้บริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะรายงานให้ทราบโดยทันที หากมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
* HANA เศร้า ต้านน้ำท่วมไม่ไหว ระบุน้ำเข้าถึงโรงงาน ลั่นพยายามสุดความสามารถแล้ว
        นายริชาร์ด เดวิด ฮัน กรรมการ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA รายงานว่า บริษัทฮานา เซมิคอนดักเตอร์ (อยุธยา) จำกัด ขอแสดงความเสียใจที่จะรายงานให้ทราบว่าในที่สุดหลังจากที่ได้พยายามอย่างสุด ความสามารถในการป้องกันน้ำที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคันดินหลายจุดไม่สามารถต้านทานน้ำได้และน้ำเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรม ไฮเทค
        บริษัทฯมีมาตรการในการป้องกันน้ำที่จะเข้ามาในบริเวณพื้นที่ทำการผลิตหลักที่อยู่ชั้นหนึ่ง ความสำเร็จของมาตรการเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของมาตรการ รวมถึงระดับน้ำที่ขึ้นและระยะเวลาที่ระดับน้ำที่ยังขังอยู่ในบริเวณโรงงาน
        บริษัทฯ มีประกันภัยทั้งทรัพย์สินและการหยุดชะงักทางธุรกิจ บริษัทฯจะรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ให้ทราบเป็นการต่อไป
* KCE รับแม้เสริมคันดิน แต่ต้านระดับน้ำไม่ได้ สั่งปิดบริษัทย่อย 'เคซีอี เทคโนโลยี' ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จ.อยุธยา แล้ว
        นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต กรรมการบริหาร บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE เปิดเผยว่า บจ.เคซีอี เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คันดินกั้นน้ำของนิคมฯ ไม่สามารถต้านทานระดับน้ำที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ต่อไป แม้ว่าทางนิคมฯจะเร่งซ่อมแซมคันดินอย่างสุดความสามารถ ประกอบกับมีน้ำท่วมเข้ามาจากทางด้านถนนเอเซียอีกด้วย ซึ่งทำให้น้ำเริ่มเข้าท่วมภายในบริเวณนิคมฯด้านหน้าแล้ว และทางนิคมฯขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายพนักงานทั้งหมดออกจากพื้นที่โดยเร่งด่วน
        สำหรับเคซีอี เทคโนโลยีได้หยุดผลิตเป็นการชั่วคราวและปิดโรงงานแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทฯ สถานการณ์โดยรวมยังคงทรงตัวเช่นเดิม แต่บริษัทฯได้เพิ่มการเฝ้าระวังและเตรียมแผนรับมือสถานการณ์สูงสุด
        ทั้งนี้บริษัทฯจะได้ติดตามเหตุการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด หากมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จะรีบรายงานให้ท่านได้รับทราบโดยเร็ว
* ROCK ปิดโรงงานชั่วคราว ตั้งแต่ 12 ต.ค.นี้ จนกว่าสถานกาณณ์น้ำท่วมที่อยุธยาจะคลี่คลาย
        นายไชยยงค์ พงษ์สุทธิมนัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ร้อกเวิธ จำกัด (มหาชน) ROCK ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับโรงงานอย่างเต็มที่และขณะ นี้โรงงานไม่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดพระนครศรี อยุธยา อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีฉุกเฉิน ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินหยุดประกอบ กิจการเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2554เพื่ออำนวยความสะดวกให้นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินสามารถดำเนินการป้องกันมิ ให้น้ำจากภายนอกเข้ามาในนิคมฯอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น บริษัทฯจึงได้หยุดดำเนินการผลิตเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2554 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เมื่อเหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ และสามารถดำเนินการผลิตได้ปกติ บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบโดยเร็วที่สุด
* TCCC เผยปิดโรงงาน 2 แห่งชั่วคราว หลังน้ำท่วม จ.อยุธยา
        นายมาซาโตะ ทาเคอิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) หรือ TCCC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอรายงานผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หลายจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯให้ทราบดังนี้
        บริษัทฯได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้โดยโรงงาน 2 ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำป่าสัก มีน้ำท่วมขังภายในบริษัทโรงงานและคลังสินค้าบางส่วน แต่บริษัทฯยังคงสามารถป้องกันไม่ให้มีน้ำท่วมขังในบริเวณเครื่องจักรหลักไว้ได้
        ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทฯ จำเป็นต้องหยุดการดำเนินการของโรงงาน 2 ไว้ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย ในการนี้บริษัทฯ ได้หยุดการผลิตปุ๋ยบางสูตร ซึ่งสามารถผลิตได้เฉพาะที่โรงงาน 2 ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณร้อยละ 20 ของยอดการจำหน่ายรวมของบริษัทฯ (เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทฯมียอดจำหน่ายรวมประมาณ 1,570 ล้านบาท)
        นอกจากนี้ปุ๋ยที่เก็บไว้ในคลังสินค้าได้รับความเสียหายบางส่วนประมาณ 6,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 90 ล้านบาท อย่างไรก็ดียังมีปุ๋ยที่เก็บอยู่ในคลังสินค้าซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอีกจำนวน 51,000 ตัน มูลค่าประมาณ 765 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้เนื่องจากถนนโดยรอบโรงงานถูกน้ำท่วม รถขนถ่ายสินค้าไม่สามารถสัญจรได้ สินค้าส่วนนี้สามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ทันทีที่สถานการณ์น้ำท่วมบรรเทาลง
        ขณะนี้บริษัทฯ ได้พยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยได้เพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงาน 1 ของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม เฉพาะสูตรที่สามารถผลิตทดแทนโรงงาน 2 ได้ พร้อมทั้งส่งมอบให้แก่ลูกค้า ณ โรงงาน 1 แทน นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนป้องกันผลกระทบจากน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นกับโรงงาน 1 โดยได้จัดทำแนวป้องกันน้ำโดยรอบโรงงาน 1 และได้จัดเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ในกรณีมีน้ำเข้ามาในบริเวณโรงงาน รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
        บริษัทฯอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องรอให้ระดับน้ำลดลงก่อน อย่างไรก็ดีบริษัทฯได้ทำประกันภัยความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับสินค้า เครื่องจักร และโรงงานซึ่งครอบคลุมภัยที่เกิดจากน้ำท่วมแล้ว
* IRC ระงับการผลิตที่ อ.วังน้อย ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. เพื่อเตรียมป้องกันน้ำท่วม
        นายอะซึชิ อิมามูระกรรมการผู้จัดการ สืบเนื่องจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC กล่าวว่า ศูนย์การผลิตของบริษัทฯ ซึ่งมี 2 แห่ง คือ ที่อำเภอรังสิต จังหวัดปทุมธานีและที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังไม่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมดังกล่าวอย่างไรก็ตามเนื่องจากถนน บริเวณหน้าศูนย์การผลิตที่อำเภอวังน้อยมีน้ำท่วมขังจนไม่สามารถใช้การได้อีก ทั้งลูกค้าบางส่วนของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวและแจ้งขอระงับการรับสินค้าชั่วคราว
        บริษัทฯ จึงมีการระงับการผลิตของศูนย์การผลิตที่วังน้อยตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2554ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทฯจะดำเนินการสร้างเสริมคันดินและกระสอบทราย ป้องกันน้ำท่วมรวมทั้งเคลื่อนย้ายเครื่องจักรอุปกรณ์ที่สามารถทำได้เพื่อ เตรียมรับมือกับสถานการณ์ ทั้งนี้จากงบการเงินในรอบปีบัญชี 2553ยอดขายจากศูนย์การผลิตที่วังน้อยคิดเป็น 46% ของยอดขายรวมของบริษัทฯ
        บริษัทฯ จะรายงานให้ทราบเป็นระยะต่อไปหากมีความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ
* Q-CON แจงหยุดผลิตชั่วคราวตั้งแต่ 12 ต.ค. เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อความปลอดภัย แม้โรงงานจะไม่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม
        นายถาวร วิทรายคำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) (Q-CON) ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัทฯได้ดำเนินการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับ โรงงานอย่างเต็มที่และขณะนี้โรงงานไม่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตามเนื่องจากความยากลำบากของระบบการขนส่งโดยรอบโรงงานและความไม่ ปลอดภัยในการเดินทางของพนักงานและเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น บริษัทฯ จึงได้หยุดดำเนินการผลิตเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม2554 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
* RICH สั่งหยุดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าในอยุธยา ตั้งแต่ 13 ต.ค.นี้ เหตุน้ำท่วมกระทบการสัญจร
        บริษัท ริช เอเชีย สตีล จำกัด (มหาชน)หรือ RICH รายงานว่า ตามที่ปัจจุบันได้เกิดสภาวะน้ำท่วมล่าสุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่ง บริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าส่วนหนึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวตั้งอยู่ในระดับที่สูง กว่าระดับน้ำในขณะนี้จึงยังไม่มีผลกระทบกับศูนย์กระจายสินค้า อย่างไรก็ตามในส่วนของถนนพหลโยธินหน้าศูนย์กระจายสินค้ามีท่วมขังอยู่ และส่งผลกระทบต่อความไม่สะดวกในการสัญจร
        ดังนั้น บริษัทจึงขอหยุดการให้บริการชั่วคราวของศูนย์กระจายสินค้าวังน้อยตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลง ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในคราวต่อไปในส่วนของศูนย์กระจายสินค้าที่ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงสำนักงานของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และยังคงให้บริการตามปกติสำหรับโรงงานของบริษัท และบริษัทย่อยทั้งหมด ก็ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม โดยมีรายละเอียดดังนี้
        1. โรงงานของบริษัท ปัจจุบันมีเพียง 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางโปรง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ยังเปิดดำเนินการผลิตและขนส่งสินค้าได้ตามปกติ และไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม
        2. โรงงานของบริษัทย่อย
        2.1 บริษัท ไทย เนชั่นแนล โปรดัคท์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วม แต่บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิดและได้เตรียมมาตรการป้องกันในเบื้องต้นไว้แล้ว
        2.2 บริษัท สยาม เฟอร์โร อินดัสทรี จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลกาหลง อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมแต่อย่างใดเนื่องจากอยู่นอกเขตพื้นที่เสี่ยงแต่บริษัทก็ได้วางแผนมาตรการป้องกันไว้แล้ว
        อนึ่ง สำหรับโรงงานอีก 1 แห่งและศูนย์กระจายสินค้า ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 2 ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ปัจจุบันได้ปิดทำการเป็นการถาวรแล้วเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554เนื่องจากอายุสัญญาเช่าได้หมดลง และมิได้มีการต่อสัญญากันอีก
* “ธนาพัฒน์” เตรียมรับมือน้ำท่วมกรุงชี้กระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระยะสั้น
        นางปิยพร โยธาประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP เปิดเผยว่า การประเมินสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัทฯ แม้บางโครงการอาจจะอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากอยู่ติดแม่น้ำ อาทิ โครงการทาวน์เฮาส์ที่สุขสวัสดิ์ อรุณอมรินทร์ และพระราม 3 ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ผลกระทบ
        น่าจะมีผลเพียงแค่ถนนด้านหน้าโครงการเท่านั้น แต่สำหรับตัวโครงการได้ยกพื้นขึ้นสูงเกือบ 2 เมตร รวมทั้งโครงการที่พัฒนาขึ้นใหม่ส่วนใหญ่เป็นถนนตัดใหม่ที่มีการยกพื้นที่ให้สูงทำให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมมากนัก
        ทั้งนี้ ธนาพัฒน์ฯ ได้เตรียมการรับมือเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในโครงการต่างๆ ด้วยการจัดหากระสอบทรายสำหรับกั้นน้ำหากมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งได้ปรับปรุงระบบระบายน้ำ และคอยตรวจเช็คระดับน้ำบริเวณรอบโครงการอย่างใกล้ชิด
        “เราได้เตรียมความพร้อมช่วยเหลือลูกบ้านหากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยการประสานงานไปยังนิติบุคคลในโครงการต่างๆ เพื่อเป็นศูนย์ในการประสานงานให้การช่วยเหลือลูกบ้านอย่างใกล้ชิด ซึ่งอยากให้ลูกบ้านทุกคนอุ่นใจได้” นางปิยพรกล่าว
        นางปิยพร กล่าวอีกว่า ในอนาคตหลังจากนี้ ธนาพัฒน์ฯ ให้ความสำคัญกับปัญหาน้ำท่วมในการพิจารณาเลือกทำเลสำหรับโครงการใหม่ในอนาคตมากขึ้น โดยจะเลือกเฉพาะทำเลที่มีคุณภาพ และมีความเสี่ยงจากน้ำท่วมต่ำ เนื่องจากเชื่อว่าคนไทยจะหันมาคำนึงถึงเรื่องน้ำท่วมมากขึ้น
        ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม โดยความต้องการซื้อบ้านใหม่จะลดลง เนื่องจากผู้บริโภคอาจตื่นตระหนกกับสถานการ์น้ำท่วม และเริ่มไม่มั่นใจในการวางแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับวัสดุก่อสร้างเช่นทรายจะขาดแคลน เพราะต้องนำไปปรับปรุงบ้านเก่าที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
* ARIP ยันคงเป้ารายได้ปีนี้โต 10% แม้ยอมรับตลาดไอทีอัมพาตหนักช่วงน้ำท่วม ฉุดยอดขาย Q4/54 ชะลอ
        นายปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) (ARIP) เปิดเผยว่า eFinanceThai.com ว่า บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโต 10% ตามเดิม แม้ยอมรับว่าในไตรมาส 4/54 ยอดขายอาจจะลดลง จากการที่ตลาดสินค้าไอทีทั้งระบบชะงักลง หลังจากที่น้ำเข้าท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจหลายแห่ง และหลายจังหวัด ทำให้หยุดการค้าการซื้อขายลงชั่วคราว ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทฯมีสัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดที่ประมาณ 10-15% ซึ่งถือว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับยอดขายโดยรวม ขณะเดียวกันผลประกอบการทั้ง 3 ไตรมาสของปี 2554 ถือว่าดีและเป็นไปตามเป้าหมาย
        สำหรับในไตรมาส 3/54 ที่จะมีการประกาศผลประกอบการเร็วๆนี้นั้น นายปฐม กล่าวว่า ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ดังนั้นจึงวางใจได้ว่าผลประกอบการทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว
        อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้จะเพิ่มพื้นที่ของผลกระทบของมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะขยายพื้นที่มายังกรุงเทพฯแต่ทางบริษัทฯยังคงยืนยันที่จะจัดงานมหกรรมไอทีส่งท้ายปี คอมมาร์ท คอมเทค ไทยแลนด์ 2011 เนื่องจากการติดตามและประเมินแนวโน้มต่างๆ เชื่อมั่นว่าสถานการณ์ต่างๆจะสามารถคลี่คลายได้ก่อนวันจัดงานที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
        'เราประเมินสถานการณ์วันต่อวัน เชื่อว่าน้ำน่าจะลดทันก่อนวันจัดงาน และเราได้สอบถามไปยังงานอีเว้นท์ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เขาก็เชื่อมั่นและจะจัดงานเหมือนกัน ดังนั้นงานจะยังมีขึ้นตามปกติ' นายปฐม กล่าว
        อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในงานที่สัดส่วน 10% ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดที่เดินทางมาร่วมงานในช่วงเวลาเดียวกันทุกปี และจากข้อมูลของบริษัทฯพบว่า สัดส่วนของลูกค้าต่างจังหวัดที่มาร่วมงานสูงสุดอยู่ที่ 15%ของผู้ที่มาร่วมงานทั้งหมด ดังนั้นจึงประเมินว่า จากผลกระทบน้ำท่วมด้านความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของลูกค้าในต่างจังหวัดอาจทำให้ยอดขายภายในงานดังกล่าวลดลง 10-15% ขณะที่ผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ 90% เป็นคนในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งยอดขายต่างๆน่าจะยังเป็นปกติ
        สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าไอทีในไตรมาส 4 จะทรงตัวในระดับปัจจุบัน แม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนไอทีหลายโรงงานต้องระงับการผลิตลงชั่วคราว เนื่องจากตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีน้ำท่วม แต่ทั้งนี้สามารถสั่งนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาชดเชยได้ โดยเฉพาะชิ้นส่วนฯที่มาจากประเทศจีน และไต้หวัน สามารถสั่งนำเข้ามาได้ทันที หากความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
        'ราคาคงไม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าโรงงานหลายแห่งจะน้ำท่วมไปแล้ว แต่ถ้าดีมานด์ยังมี ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องซัพพลาย ยังหามาทดแทนได้จากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งจากจีนและไต้หวัน สั่งเข้ามาได้ทันที' นายปฐม กล่าว
* PICO เผยเตรียมประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม หลัง ต.ค.นี้ ระบุอาจกระทบผลงานงวดบัญชีปี 55
        นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าบริษัทฯ จะประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม หลังจากที่ปิดงวดบัญชีปีนี้ (พ.ย.53-ต.ค.54) คือหลังสิ้นเดือนตุลาคม 2554 เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ ในงวดปีบัญชี 2555 (พ.ย.54-ต.ค.55) เนื่องจากบริษัทฯ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงานอีเว้นท์ ซึ่งหากน้ำลดหลายภาคส่วนคงต้องฟื้นฟูสภาพพื้นที่ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องของการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ
        'ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่ากระทบกี่เปอร์เซ็นต์ คงรอดูอีกสักระยะ เพราะสถานการณ์มีหลายอย่างทั้งน้ำท่วม ทั้งปัจจัยนอกประเทศ จึงยังบอกไม่ได้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร เราจะประเมินอีกรอบหลังเดือนตุลาคมนี้' นายศีลชัย กล่าว
        อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ารายได้รวมงวดบัญชีปีนี้ (สิ้นสุด ต.ค54) จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 25% จากปีก่อนที่ทำได้ 904.24 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 4/2554 ( ส.ค.-ต.ค.54) จะเกิดสถานการณ์น้ำท่วม แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นน่าจะต้องติดตามในงวดปีบัญชีถัดไป เพราะงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นในปีบัญชีนี้เรียบร้อยไปหมดแล้ว
        'เราปิดงบปีนี้เดือนตุลาคม น้ำท่วมคงไม่กระทบ รายได้ 25% ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นคงเป็นงวดปีบัญีหน้ามากกว่า เพราะงานเราทำไปหมดแล้ว ' นายศีลชัย กล่าว
        นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการจัดงาน EDUCA 2011 หรืองานมหกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาวิชาชีพครู ครั้งที่ 4 (The 4th Annual Congress for Teacher Professional Development) ซึ่งการเปิดตัวเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.54)เป็นวันแรก โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 -14 ตุลาคม 2554 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา พบว่ามีผู้สนใจเข้าชมงานเกินคาด แม้จะมีสถานการณ์น้ำท่วมและคาดว่าในงานดังกล่าวจะมีผู้เข้าชมงานใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 50,000 คน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ด้วย
* TTW เผยไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ยันดำเนินกิจการตามปกติในทุกพื้นที่
        บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW รายงานว่า ตามที่ ได้เกิดสภาวะน้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและพื้นที่ภาคกลางของ ประเทศซึ่งอาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นเกิดความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของ บริษัทฯในนิคมอุตสาหกรรมบางประอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพื้นที่ ปทุมธานี-รังสิตและพื้นที่สุมทรสาคร-นครปฐมนั้น
        บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ยังดำเนินกิจการได้ตามปกติในทุกพื้นที่ และโดยที่บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตประจำวัน จึงขอเรียนยืนยันว่าบริษัทฯมีความมั่นใจที่จะสามารถให้บริการได้ตามปกติแม้สภาวะน้ำท่วมจะเลวร้ายไปกว่านี้ก็ตาม
* TISCO เผยไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เหตุลูกค้าอยู่ในนิคมฯมาบตาพุดและเหมราช
        นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่น้ำท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดอยุธยา เนื่องจากธนาคารไม่ได้มีการปล่อยสินเชื่อให้แก่นิคมในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่มีการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าในพื้นที่นิคมฯมาบตาพุดและนิคมฯเหม ราชซึ่งยังไม่ได้รับผลกระทบหรือภาวะน้ำท่วมเข้าพื้นที่แต่อย่างใด
        อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์ ขณะนี้พบว่ามีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบประมาณ 200 ราย ซึ่งจะมีมาตรการพิจารณา อาทิเช่น มาตรการพักชำระหนี้และมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ เป็นต้น ทั้งนี้จากจำนวนผลกระทบที่ไม่มากนัก จึงไม่มีความเป็นห่วงต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในอนาคต โดยปัจจุบัน NPL อยู่ที่ประมาณ 1% สำหรับสาขาของธนาคารที่ได้รับผลกระทบและตั้งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมได้มีการสั่งปิด 2 สาขา ได้แก่ สาขาในจังหวัดอยุธยาและสาขาในจังหวัดนครสวรรค์
* บิ๊ก AGE คาดยอดขาย Q4/54 กระฉูด หลังออเดอร์ทะลักจากผู้ประกอบการถ่านหินรายอื่นส่งสินค้าไม่ได้ เพราะวิกฤตน้ำท่วมหนัก
        นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า คาดว่ายอดขายไตรมาส 4/2554 จะสูงกว่าไตรมาส 3/2554 เพราะในช่วงที่น้ำท่วมหนัก ส่งผลให้คำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเข้ามามากกว่าปกติ โดยเฉพาะจากลูกค้าของบริษัทอื่น ที่ไม่สามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด เนื่องจากโรงงานของผู้ค้าถ่านหินส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้บริษัทฯ มียอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้น แม้ว่ามีโรงงานของ AGE ที่อยุธยาต้องหยุดการขนส่งถ่านหิน แต่ยังมีอีก 2 แห่งที่ขนส่งได้ตามปกติ คือ ที่ จ.ชลบุรี และ จ.เพรชบุรี
        'ในช่วงน้ำท่วมลูกค้ารายใหญ่รายเล็กก็มาสั่งของกับเรา จากปกติที่สั่งกับเจ้าอื่น เพราะเจ้าอื่นส่งของไม่ได้ และคิดว่าน่าจะอีกเป็นเดือนกว่าที่ จ.อยุธยาจะกลับมาสู่ปกติ ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นนี้ก็คงสะท้อนมาที่ไตรมาส 4 น่าจะสูงกว่าไตรมาส3 ' นายพนม กล่าว
        ดังนั้น มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะมากกว่า 5 พันล้านบาท โดยยอดขายส่วนใหญ่ 70% มาจากในประเทศ ประกอบกับช่วงที่มีสถานการณ์น้ำท่วม ยอดขายของบริษัทฯ ยังมากกว่าปกติ เพราะผู้ค้าถ่านหินรายอื่นไม่สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าทันตามกำหนด เนื่องจากคลังสินค้าของผู้ประกอบการถ่านหินส่วนใหญ่อยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องปิดทำการเพราะวิกฤตน้ำท่วม จึงต้องมาสั่งสินค้ากับบริษัทฯ แทน ซึ่งบริษัทฯ ยังมีโรงงานที่ส่งของได้ตามปกติอีก 2 แห่งที่ จ.ชลบุรีและ จ.เพชรบุรี
        ส่วนความคืบหน้าการซื้อเหมืองที่อินโดนีเซีย ขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างเจรจาคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ อย่างไรก็ตามแม้บริษัทฯ ยังไม่สามารถซื้อเหมืองได้เสร็จในปีนี้ ก็ไม่ได้กระทบกับเป้าหมายรายได้แต่อย่างใด นายพนม กล่าวต่อว่า ราคาหุ้นในปัจจุบันหลังจากแตกพาร์และเริ่มซื้อขายที่พาร์ใหม่ 0.25 บาทเมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา นั้น ราคาหุ้นปัจจุบันก็ยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ดังนั้น ในช่วงที่ราคาปรับลงมาถึง 4 บาท จึงได้เข้าไปเก็บหุ้นตามที่ได้แจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นได้ทำมา 2 ครั้งแล้ว รวมแล้วซื้อไปหลายแสนหุ้นแล้ว
        'ช่วงที่ราคาหุ้นปรับลดลงนั้น ลดลงมาแบบไม่มีวอลุ่ม แสดงว่าไม่มีคนกล้ารับ ราคาลงมาตั้งแต่ช่วงแบล็กมันเดย์ ดังนั้นพอลงมา 4 บาทผมเลยเข้าซื้อ ซื้อมา 2 ครั้งแล้ว' นายพนม กล่าว
* บิ๊ก NEP ยอดขายกระสอบล่าสุด 185 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก 175 ตันต่อเดือน น้ำท่วมดันดีมานด์เพิ่ม
        นายเสกสิทธิ์ เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นอีพี อสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรม (NEP) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ยอดขายกระสอบล่าสุดของบริษัทอยู่ที่ 185 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเดิมซึ่งอยู่ที่ 175 ตันต่อเดือน จากกำลังการผลิตเต็มที่ของบริษัทที่ 200 ตันต่อเดือน โดยในช่วง 2 เดือนก่อนน้ำท่วมหนัก ประชาชนเริ่มซื้อกระสอบไปบรรจุทราย จากปกติที่จะนำกระสอบไปใช้บรรจุปุ๋ย หรือสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ทำให้กระสอบทรายที่จะใช้บรรจุข้าวและปุ๋ยขาดแคลน ดังนั้น ในช่วง 2 เดือนนี้จึงมีความต้องการกระสอบเพื่อใช้บรรจุสินค้าเกษตรเนื่องจากที่ร้านค้าสต็อกไว้นั้นนำขายออกหมดก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งเชื่อว่าทุกบริษัทที่ผลิตกระสอบขายจะพบเจอกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกับบริษัท
        'กระสอบใส่ปุ๋ย ใส่อาหารสัตว์ขาดตลาดแน่นอน เพราะสต็อกเกลี้ยง ดังนั้น โรงงานไหนที่ผลิตกระสอบขายได้หมด เดี๋ยวนี้ไม่มีต่อราคา ไม่ติสินค้าเรื่องลวดลายกระสอบมากนัก เพราะสินค้าขาดตลาด ราคากระสอบเราก็ไม่ต้องสู้ราคามากนัก ขอให้เร็วไว้ก่อนสถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้' นายเสกสิทธิ์ กล่าว
        ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานของบริษัทที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่ จ.นครราชสีมา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว มีการบริหารจัดการน้ำได้ดี ประกอบกับเป็นพื้นที่ราบสูง ทำให้น้ำท่วมไม่ถึง ดังนั้น แผนการเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ของโรงงานดังกล่าว จะเป็นไปตามแผนเดิมคือ เดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งจะทำให้เป้าหมายรายได้และกำไรเป็นไปตามที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
        'วันนี้ที่คุยกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ทุกอย่างเดินไปตามแผน รายได้และกำไรยังเหมือนเดิม การดูแลและซื่อสัตย์กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราหวังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ทุกอย่างจะดีได้จากการยอมรับของลูกค้า' นายเสกสิทธิ์ กล่าว
* MCOT ยันเป้ารายได้ปีนี้โต 10% น้ำท่วมไม่กระทบ
        นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท (MCOT) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อสถานีออกอากาศในบางพื้นที่ของสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์หรือช่อง 9 ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไข อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่งอยู่ในช่วงของไตรมาส 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับช่อง 9 มีรายการพิเศษทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดเป็นการถ่ายทอดกีฬาซีเกมส์ ในกลางเดือนพ.ย. ก็จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป้าหมายรายได้ 10% ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย
        'ครึ่งปีแรกรายได้รวมเราเติบโต 30% ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้วดังนั้นครึ่งปีหลังแม้ว่าจะมีน้ำท่วม และเศรษฐกิจโลกที่ต้องจับตา แต่ปกติแล้วไตรมาส 4 จะเป็นไฮซีซั่น จึงเชื่อว่ารายได้ 10%ทำได้แน่นอน' นายธนวัฒน์ กล่าว
        ขณะนี้บริษัทฯ เตรียมแผนสำหรับปีหน้า โดยคาดว่าจะมีการขึ้นค่าโฆษณาอีกประมาณ 5-10% ขึ้นไป แล้วแต่เรตติ้งของแต่ละรายการและช่วงเวลา ซึ่งในครึ่งปีแรกบริษัทฯ ก็ได้ปรับขึ้นค่าโฆษณาไปแล้วบางรายการ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยเฉลี่ยเงินเฟ้อจะอยู่ที่ประมาณ 3-4%
        นายธนวัฒน์ คาดว่าในต้นปีหน้า บริษัทฯ จะเปิดช่องทีวีดาวเทียมในระบบเคยูแบนด์ มากกว่า 10 ช่อง โดยปัจจุบันมีทีวีดาวเทียมระบบซีแบนด์อยู่แล้ว โดยบริษัทฯ ได้เตรียมเงินลงทุนไว้หลายร้อยล้านบาท แต่จะทยอยใช้ในเวลาประมาณ 3 ปี ซึ่งเฉพาะปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากธุรกิจทีวีดาวเทียมมากกว่า 120 ล้านบาท โดยธุรกิจดังกล่าวนี้เริ่มทำตั้งแต่ปลายปี 2552 เป็นต้นมา นอกเหนือจากช่องฟรีทีวี ของบริษัทฯ ซึ่งรวมทั้งฟรีทีวี และทีวีดาวเทียมสัดส่วนรายได้ปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 60%
        สำหรับสัดส่วนรายได้ในปีหน้าคาดว่าจะมาจากธุรกิจทีวีมากกว่า 60% จากธุรกิจวิทยุ ทรงตัว 15% เพราะธุรกิจวิทยุมีการแข่งขันรุนแรง ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากสัมปทาน และรายได้อื่นๆ
* BIGC งัดสารพัดแผนรับมือน้ำท่วม เชื่อเอาอยู่
        นางสาวร้าภา ค้าหอมรื่น เลขานุการบริษัท /รองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จ้ากัด (มหาชน) (BIGC) กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วม บริษัทฯ ได้รวบรวมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อใช้ในการจัดทำแผนรองรับปัญหาน้ำท่วม โดยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางผู้ขายสินค้าให้แก่บริษัทฯ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแผนรองรับนี้ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย
        ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้าทั้งหมด 4 แห่ง โดย 3 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยาที่วังน้อย, บางปะอิน, ที ปาร์ค และอีก 1 แห่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีที่บางใหญ่ โดยมีบริษัท ดีเอชแอล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย) จ้ากัด (ดีเอชแอล) เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดส่งสินค้า
        ในช่วงสัปดาห์น้ำท่วมได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วในบริเวณรอบศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ โดยในวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ระดับน้ำในจังหวัดอยุธยาได้เพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่น่าปลอดภัยที่จะปฏิบัติงาน บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจใช้แผนรองรับเพื่อจัดการปัญหาน้ำท่วมโดยได้สั่งปิดศูนย์กระจายสินค้า 3 แห่ง ในจังหวัดอยุธยาและได้ขนย้ายสินค้าและอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นสู่ชั้น 2 ของศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการย้ายศูนย์กระจายสินค้าไปยังที่ใหม่ 4 แห่ง ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมไว้เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวบริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า ดีเอชแอล ยังคงดำเนินงานตามปกติ และบริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้ขายสินค้าทุกรายได้รับทราบถึงสถานที่เพื่อใช้ขนถ่ายสินค้าแห่งใหม่ และได้ขอให้ผู้ขายสินค้าส่งมอบสินค้าโดยตรงไปยังสาขาของบริษัทฯ
        จากสถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าแผนรองรับนั้นสามารถรับมือกับปัญหาน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี โดยทุกสาขาของบริษัทฯ ยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ ยกเว้นมินิบิ๊กซี สาขาหลวงแพ่ง 5 ซึ่งปิดเนื่องจาก น้ำท่วมและขาดกระแสไฟฟ้าสุดท้ายนี้ บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่าบริษัทฯ ได้ทำประกันภัยซึ่งครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก น้ำท่วม และความเสียหายที่เกิดจากน้ำ รวมไปถึงการหยุดชะงักทางธุรกิจด้วย
* HMPRO แจงเหตุน้ำท่วมกระทบสินค้าในศูนย์กระจายสินค้าบางส่วน แต่ไม่กระทบต่อสาขา เหตุให้คู่ค้าส่งสินค้าโดยตรง พร้อมยันจัดงาน HOMEPRO EXPOตามเดิม
        รายงานข่าวกจากบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (HMPRO) แจ้งว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน บริษัทแจ้งให้ทราบว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทจนถึงขั้นการหยุดการดำเนินงานในสาขาของบริษัท
        แต่เนื่องจากศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ ตั้งอยู่บริเวณ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประสบกับสภาวะน้ำท่วมสูง ส่งผลให้มีการปิดการจราจรบริเวณ ถนนพหลโยธิน ด้านหน้าศูนย์กระจายสินค้าทำให้บริษัทจำเป็นต้องหยุดการรับ-ส่งสินค้าของบริษัท เป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันสินค้าขาดที่สาขานั้น บริษัทได้ประสานงานกับคู่ค้าส่งสินค้าตรงเข้าสาขา โดยไม่ผ่านศูนย์กระจายสินค้าของบริษัท เพื่อให้มั่นใจได้ว่า
        สินค้ายังมีเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติ ทั้งนี้ผลจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าและทรัพย์สินในอาคารศูนย์กระจายสินค้าบางส่วน ซึ่งบริษัทได้มีการทำประกันความเสียหายต่อสินค้าและทรัพย์สินครอบคลุมผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแล้ว
        สำหรับการจัดงาน HOMEPRO EXPO ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในช่วงวันที่ 14-25 ตุลาคม 2554 นั้น บริษัทยังคงดำเนินการจัดงาน HOMEPRO EXPO ตามปกติ โดยในพื้นที่เมืองทองธานีปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ทั้งนี้บริษัทได้มีการนำสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปรับปรุง ทั้งก่อนและหลังน้ำท่วม ขายในงาน รวมถึงมีการขยายระยะเวลาการจัดเก็บสินค้าก่อนส่งมอบ เป็นกรณีพิเศษและร่วมกับสถาบันการ
        เงินต่างๆ ในการเพิ่มระยะเวลาการผ่อนชำระค่าสินค้าสูงสุดเป็นเวลา 10 เดือนในอัตราดอกเบี้ย0% สำหรับบัตรเครดิตและสินค้าที่ร่วมรายการ
* TICON ระบุทำประกันภัยความเสียหายทรัพย์สินโรงงาน ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว
        นางสาวลลิตพันธุ์ พิริยะพันธุ์ เลขานุการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ชี้แจงเมื่อวานนี้ (10 ต.ค.54) ว่าโรงงานของบริษัทจำนวน 15 โรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะเฟส 1 ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม นั้น
        บริษัทฯ ขอเรียนว่า โรงงานของบริษัทอีกจำนวน 17 โรงงาน พื้นที่รวม 38,425 ตารางเมตร และคลังสินค้าจำนวน 3 หลัง พื้นที่รวม 18,324 ตารางเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะเฟส 2 ได้รับความความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย
        ทั้งนี้ ค่าเช่าของโรงงานและคลังสินค้าทั้ง 20 หลัง มีจำนวนรวมประมาณ 9.51 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งทำให้ค่าเช่าของโรงงานและคลังสินค้าทั้งหมดของบริษัทที่ได้รับความเสียหายในสวนอุตสาหกรรมโรจนะคิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 19.11 ล้านบาทต่อเดือน (คิดเป็นประมาณร้อยละ 24 ของค่าเช่ารวมต่อเดือนของบริษัท) โดยบริษัทฯ ได้มีการทำประกันภัยความเสียหายของทรัพย์สินดังกล่าวไว้แล้วทั้งหมด
* AMATA เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมเต็มที่ ระบุแจงแผนรับมือสร้างความมั่นใจ นลท.เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
        นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเต็มที่ โดยการสร้างแก้มลิงในหลายสิบจุดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร หรือการจัดให้มีสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ เพื่อทำหน้าที่เป็นบึงพักน้ำชั่วคราว ก่อนที่จะระบายลงทางระบายน้ำสาธารณะ รอเวลาให้คลองต่างๆ ซึ่งเป็นทางระบายน้ำหลักพร่องน้ำพอจะรับน้ำได้ จึงค่อยๆ ระบายน้ำลง ประกอบกับในหลายปีที่ผ่านมานิคมฯอมตะมีการสร้างคันกั้นดินรอบนิคมฯ ไว้ดังนั้น จึงถือว่าเป็นการวางแผนไว้นานหลายปี นักลงทุนจึงสบายใจได้ในระดับหนึ่ง
        'เราได้ชี้แจงกับผู้จัดการโรงงานในนิคมฯ และให้ไปชี้แจงต่อนักลงทุนในนิคมฯ ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงแผนการรับมือต่างๆ เราเตรียมไว้แล้ว ประกอบกับที่เราดูเส้นทางของน้ำกว่าจะมาถึงนิคมฯอมตะ ต้องผ่านคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ผ่านมาทางแม่น้ำบางปะกง และต้องผ่านคลองพานทองเก่าและพานทองใหม่ จึงจะมาถึงนิคมฯอมตะ ดังนั้น จึงไม่น่ากังวลมาก แต่ที่น่าห่วงมากคือแถวลาดกระบัง ' นายวิบูลย์ กล่าว
        ส่วนยอดขายที่ดินปีนี้ มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1.5-1.8 พันไร่ แม้ว่าจะมีสถานการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น เมื่อยอดขายที่ดินได้ตามเป้า รายได้ที่เข้ามาก็น่าจะมากกว่า4 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะยังไม่สามารถบันทึกเป็นยอดรับรู้รายได้เข้ามาได้ทั้งหมด จนกว่าจะมีการโอนได้ครบ100% ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีแบบใหม่ แต่คาดว่าในปีหน้าจะโอนครบหมดและบันทึกเป็นรายได้เข้ามา 100%
*โบรกฯ เตรียมปรับประมาณการหุ้นชิ้นส่วนยานยนต์ แนะเลี่ยงลงทุน IHL-SAT
        บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ ระบุว่า บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ระบว่า โตโยต้าหยุดการผลิตทั้ง 3 โรงงานตั้งแต่ 11-15 ต.ค.เนื่องจากน้ำท่วมโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนที่อยุธยาประมาณ 10 ราย ด้านบริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ระบุว่า โรงงานรถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์หยุดผลิต ส่วนโรงงานรถจักรยานยนต์ ยังดำเนินการผลิตตามปกติ ขณะที่ทาง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลดการทำงานล่วงเวลา เนื่องจากชิ้นส่วนบางรายการที่อยุธยาน้ำท่วม การที่โตโยต้าประกาศหยุดผลิตต่อเนื่องจากฮอนด้านั้น คาดจะส่งผลกระทบต่อ IHL เนื่องจากรายได้จากโตโยต้าคิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้รวม ส่วน SAT นั้นมีรายได้จากโตโยต้าราว 25%
        ทั้งนี้เราอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ และปรับประมาณการฯหุ้นในกลุ่มฯ สำหรับการลงทุนระยะสั้นเราแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มยานยนต์เนื่อง จากยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมได้ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวนั้นเราเชื่อว่าผลกระทบดังกล่าวจะเป็นเพียงระยะ สั้นในช่วงเดือน ต.ค. – พ.ย. เท่านั้น
* ทิสโก้ คาดภัยน้ำท่วม พินาศ ราวแสนลบ.
        นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่าฝ่ายวิจัยของบริษัท ประเมินความเสียหายจากภัยน้ำท่วมไว้ในปัจจุบันนี้ หากไม่ลุกลามเพิ่มมากกว่านี้คาดว่าจะเสียหายราว 1 แสนล้านบาท โดยเป็นความเสียหาย ในส่วนของภาคเกษตรอิเล็กทรอนิคส์ และยานยนต์
        "ตอนนี้เราประเมินแค่เบื้องต้น เป็นตัวเลขคร่าวๆ แต่เรากำลังให้ทีมงานลงไปดูในรายละเอียดของแต่ละ sector อีกครั้ง ซึ่งตัวเลขอาจจะเปลี่ยนไป" นายไพบูลย์ กล่าว
        ขณะนี้ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากพื้นที่เขตอยุธยา ถือว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมใน 2 กลุ่มนี้มากที่สุด ขณะที่กลุ่มอาหาร เห็นว่าเสียหายเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เหตุภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และการที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ และหลายประเทศได้รับผลกระทบแต่ต้องการให้รัฐบาล หามาตรการป้องกันหลังเหตุการณ์สงบลง ไม่ใช่เพียงเยียวยาความเสียหายเท่านั้น