พฤหัสฯ 18 พ.ย.--เด็กแนว :
ที่มา : บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

        ถ้าจีนขึ้นดอกเบี้ย แล้วทำไมหุ้นต้องลง ว่าไปแล้วมันก็เป็นอะไรที่สร้างความสับสนให้แก่นักลงทุนเหมือนกัน แต่โดยทฤษฏีแล้วดอกเบี้ยขึ้นจะสวนทางกับหุ้น ทีนี้จีนมีอัตราการขยายตัวของเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมที่ 4.4% ทำให้ตกอกตกใจกันเพราะว่าเป็นการปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 24 เดือน แนวทางจึงอาจจะมีการยกฐานของดอกเบี้ยขึ้นเพื่อดึงเงินหมุนเวียนกลับเข้าระบบธนาคาร   ไปสอดคล้องกับการสั่งให้แบงก์มีสำรองเงินสดมากขึ้นก่อนหน้านี้  แค่เรื่องดอกเบี้ยเรื่องเดียวก็ตีความไปได้ว่าจีนมีแผนจริงจังในการชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เติบโตสองหลักมาตลอด 
        การทำอย่างนี้จึงส่งผลให้นักวิเคราะห์มองต่อไปว่าการบริโภคภาคอุตสาหกรรมจะลดลง เพราะคำสั่งซื้อต่างๆ คงชะลอตัวนั่นเอง  จึงเป็นผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่จีนเป็นผู้บริโภคหลักถูกเทขายออกมานั่นเอง  จึงเป็นสาเหตุหนึ่งให้หุ้นลงทั่วโลก  เพราะในรอบปีที่ผ่านมาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน  เคมี  เหล็ก ต่างๆ  วิ่งนำตลาดมาตลอด    
        อีกอันหนึ่งที่เห็นสาเหตุหุ้นลงก็คือการที่ รัฐบาลจีนส่งสัญญาณว่าจะออกมาตรการอย่างเอาจริงเอาจังในการลดสภาพคล่องส่วนเกินในระบบ อันเนื่องมาจากเงินทุนไหลเข้า   ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนในระดับนโยบายเต็มๆ  ไม่มีเม้มเหมือน ธปท. ที่บอกว่าไม่มีอะไรกับเงินไหลเข้ามันปกติ๊  ปกติ กลัวบรรยากาศการลงทุนเสียไป ทั้งๆ ที่เงินฝรั่งจะทับตลาดหุ้นพังอยู่แล้ว แต่ชาวบ้านยังอดอยาก แบงก์ชาติไทยกลับบอกว่าไม่น่าห่วง  แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะปล่อยให้ประเทศอื่นเค๊าออกมาตรการแซงหน้า จนกระทบมายังหุ้นไทยรายย่อยตายเป็นเบือ  เมื่อหุ้นลงแรงแบงก์ชาติก็ยิ่งกลัวหุ้นจะตกหนักกว่าเดิมอีก ก็ยิ่งไม่กล้าออกมาตรการกันใหญ่เลย  เพราะถ้าขืนออกหุ้นจะตก คนก็จะด่าซ้ำว่าทำไมเพิ่งมาออกตอนนี้
        สรุปว่าถ้าจีนออกมาตรการอะไรมาเป็นผลดีกับเศรษฐกิจเขา  เพราะมันสร้างความเข้มแข็ง  ขณะที่ของเราไม่มีมาตรการอะไรมาปกป้องสักอย่าง ปล่อยเลยตามเลย   ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้หุ้นไทยจึงต้องผันผวนต่อ  และเงินลงทุนก็อาจจะมุ่งไปยังประเทศที่เข็มแข็งในเชิงนโยบาย จึงไม่แปลกใจที่ฝรั่งขายหุ้นไทยหนักมือเหลือเกิน  เพราะหุ้นไทยเหมาะแค่เก็งกำไรเอามันส์อย่างเดียว  อย่าคิดมากเลย
        * GSTEEL วันที่ 22 นี้ น่าจะมีข่าวดีสำหรับ กกน. เพราะเป็นวันสำคัญในการประชุมเพื่อพิจารณาแผนปรับโครงสร้างหนี้ในครั้งที่สอง  หลังจากครั้งแรกไม่ครบองค์ประชุม  ในครั้งที่สองจึงให้ใช้จำนวนเสียงของผู้เข้าประชุมในครั้งแรกมาใช้ก็ได้แล้ว   และเท่าที่สังเกตพวกที่เข้าประชุมครั้งแรกคือพวกที่อยากให้แผนผ่าน  ดังนั้นการประชุมครั้งที่จะถึงนี้ก็เต็มไปด้วยพวกที่ต้องการให้แผนผ่านนั่นเอง  จึงคาดหมายว่าทุกอย่างลงเอยกันด้วยดี   สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก็คือ การแปลงหนี้บานตะไทเป็นหุ้นที่ราคา 1 บาท ซึ่งจะทำให้ได้ส่วนต่างกำไรจากการแปลงหนี้นี้เข้ามาเกือบ 2 พันล้านบาท  ลำพังแค่นี้หุ้นก็น่าจะขึ้นแล้ว   และที่น่าสนใจมากกว่าเดิมก็คือเท่าที่มีข่าวว่ากลุ่มเจ้าหนี้ที่โหวตผ่านนี้จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีการเจรจาให้บริษัทเหล็กยักษ์อันดับต้นๆ ของโลกเข้ามาสวม กกน. เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล็กระดับโลกไปเลย  สงสัยงานนี้ต้องเป็นข่าวใหญ่ ราคาหุ้นจึงมีการถูกเก็บล่วงหน้า เด็กแนวว่าอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อจาก GSTEEL เป็น MSTEEL ไปเลยเนอะ จะได้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
        SIAM พอผลประกอบการออกปั๊บ ราคาหุ้นก็ถูกทุบเละเป็นโจ๊กบางกอกไปเลย   ถ้าให้เดาก็คือเจ้ามือรอจังหวะงบฯ ออก จากนั้นก็จบรอบไปหลังจากไล่ราคามา high   แต่การลงของราคาหุ้นที่แรงมากจน Oversold และยัง Undervalue อีกนี้เด็กแนวว่าใช่เลย  นี่แหละจุดซื้อ เพราะล่าสุดมี Book สูงถึง 4.8 บาท  และหากมองกำไรใน Q1(งบการเงินเป็นไตรมาส 1)  ที่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรมากๆ  นี้รวมกับงานออสเตรเลียที่ทะลักเข้ามาเกือบ 3 พันล้านบาทต้องส่งมอบปีก็จะมีกำไรสูงสุดในรอบหลายปี  ราคาหุ้นจะไม่ต่ำกว่า 3.50 บาท  ราคานี้จึงถูก  มี up side เพียบ  สะสมกันเถอะรอต่ำอย่างนี้มานานแล้ว
        ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบลงทุน 5 ปี (2554-2558) ไว้ที่ 500-1,000 ล้านเหรียญ โดยเป็นงบลงทุนปกติ ซึ่งเป็นไปตามแผนการเติบโตของบริษัทฯ