พุธ 2 พ.ย.2554--eFinanceThai.com :
หลักทรัพย์กำไรร่วง

          เปิดงบหุ้นหลักทรัพย์ไตรมาส 3/54 พบกำไรร่วงตามรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่ลดลงต่อเนื่อง หลังภาวะตลาดไม่เอื้อ ด้านกูรู แนะนำขาย ASP แต่เชียร์ซื้อ KEST เหตุให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลโดดเด่นที่ 9% ในปี 2554 และ 11.8% ในปี 2555
          หลังจากบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/54 (สิ้นสุด 31 ก.ย.54) ปรากกฎว่าในภาพรวม 7 บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 16.20% โดยมีกำไรรวม 971.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,159.59 ล้านบาท ลดลง 187.91 ล้านบาท
* ASP-ZMICO-KEST นำทีมกำไรร่วง
          สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) (ASP) มีกำไรลดลงมากที่สุด คือมีกำไรสุทธิ 104.38 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 302.79 ล้านบาท ลดลง 198.41 ล้านบาท หรือ -65.52%
          ตามด้วยบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) (ZMICO) ที่มีกำไรสุทธิ 11.21 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 31.09 ล้านบาท ลดลง 19.88 ล้านบาท หรือ -63.94% และ บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) ที่มีกำไรสุทธิ 172.12 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 292.34 ล้านบาท ลดลง 120.22 ล้านบาท หรือ -41.12%
* CNS-OSK กำไรยังดี
          ส่วนบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (CNS) แต่เป็นงบเดี่ยว และสิ้นสุดไตรมาส 3/54 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 โดยมีกำไรสุทธิ 217.26 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 117.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.16 ล้านบาท หรือ 85.53%
          ตามด้วยบริษัทหลักทรัพย์ โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (OSK) ซึ่งเป็นงบเดี่ยว มีกำไรสุทธิ 12.46 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.65 ล้านบาท หรือ 27.01%
          โดยสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/54 ลดลงดังกล่าว เป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้าลดลง ตามปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงเหลือ 28,528 ล้านบาท จากไตรมาส 3/53 เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,107.04 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการลดลง 11%
* แนะขาย ASP หนีผลงานอ่อนแอ
          ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา (KSS) วิเคราะห์ว่า ในส่วนของ ASP คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานใน 4Q54 ลดลงเทียบกับปีก่อน จากภาวะการลงทุนผันผวนต่อเนื่องเพราะความเสี่ยงจากเศรษฐกิจต่างประเทศ และปัญหาอุทกภัยที่อาจกดดันให้เศรษฐกิจไทยหดตัวใน Q4 ทำให้กำไรจากพอร์ตการลงทุนจะยังไม่ฟื้นตัว กอปรกับธุรกิจด้านวาณิชธนกิจได้รับผลกระทบเพราะลูกค้าอาจชะลอการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
          ทั้งนี้ KSS คงประมาณการกำไรสุทธิปี 54 ที่ 510 ล้านบาท ลดลง 32.1%YoY สาระสำคัญเพราะกำไรจากพอร์ตลงทุนลดลงตามภาวะการลงทุนผันผวนสูงในปีนี้ (SET ปรับลดลงราว 5% ปิดที่ 974.75 ใน 31 ต.ค. 54 จาก 1032.76 ใน 30 ธ.ค. 53) นอกจากนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ปรับลดลง 7% ที่ 474 ล้านบาท เพราะรายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์ลดลง โดยคาดว่าการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นจะกดดันให้ commission rate ปี 55 ของ ASP ปรับลดลงที่ 0.18% จาก 0.22% ในปี 54
          อย่างไรก็ตาม KSS คงคำแนะนำ “ขาย” จากผลการดำเนินงาน 3Q54 ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ KSS ยังมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 54 และปี 55 ที่ปรับลดลง เพราะความผันผวนของภาวะการลงทุน กอปรกับการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นปี 55 จะทำให้มีการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจหลักทรัพย์ปรับสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบความสามารถการทำกำไรปี 55 ลดลง โดยคาด ROE ของ ASP ยังอยู่ในทิศทางขาลงจาก 18.4% ในปี 53 เป็น 12% ในปี 54 และ 11.3% ในปี 55 โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 2.03 บาท อิงจาก Target P/E 9 เท่า
* ซื้อ KEST รับปันผลเด่น
          ขณะที่ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน ประเมิน KEST ว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2554 แต่คงกำไรสุทธิของปี 2555 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราคาดการณ์มาก ทำให้ผลประกอบการงวด 9 เดือนต่ำกว่าที่เราคาดหมาย ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2554 ลง 16% จากเดิม 876 ล้านบาท ลดลงเหลือ 733 ล้านบาท และปรับลดประมาณการเงินปันผลปี 2554 ลงด้วยเหลือ 1.28 บาท/หุ้น จากเดิมคาดไว้ที่ 1.50 บาท/หุ้น ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2555 ไว้ที่ 981 ล้านบาท เพิ่ม 34% YoY และคาดว่า KEST จะจ่ายปันผลอัตรา 1.68 บาท/หุ้น
          พร้อมกันนี้ คงราคาเหมาะสม 12 เดือนที่ 20.50 บาท แนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินว่า KEST จะสามารถรักษาการเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งตลาดค่านายหน้าอันดับ 1 ได้อย่างเหนียวแน่น การเข้ามาของ MAYBANK น่าจะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มฐานนักลงทุนต่างประเทศให้กับ KEST ได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ระดับ 9% ในปี 2554 และ 11.8% ในปี 2555 เราประเมินมูลค่าเหมาะสม 12 เดือน ไว้ที่ 20.50 บาท ยังให้ส่วนต่างสูงถึง 44% จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”
******************************
          ตารางแสดงผลประกอบการบริษัทหลักทรัพย์
          ไตรมาส 3/54 (สิ้นสุด 31 ก.ย.54) เทียบกับไตรมาส 3/53
          ไตรมาส 3/54 (ลบ.) ไตรมาส 3/53 (ลบ.) เปลี่ยนแปลง (ลบ.) %
          บล.         กำไร (ขาดทุน)         กำไร (ขาดทุน)
          KEST     172.12 292.34       (120.22) (41.12%)
          ASP     104.38 302.79          (198.41) (65.52%)
          ZMICO     11.21 31.09         (19.88) (63.94%)
          PHATRA     318.55 290.70       27.85 9.58%
          BLS     135.70 115.76        (19.94) 17.22%
          OSK*     12.46 9.81        2.65 27.01%
          CNS**     217.26 117.10        100.16 85.53%
          รวม     971.68 1,159.59        (187.91) (16.20%)
หมายเหตุ * งบเฉพาะกิจการ
** งบเฉพาะกิจการ สิ้นสุด 31 สิงหาคม 2554