อังคาร 26  ต.ค.--ไทยรัฐ :
สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ดับฝันกองถ่ายหนังต่างชาติ เอกชนโวยสรรพากรไม่ลดแวตความคิดแคบ
     ข้อเสนอยกเว้นภาษี VAT กองถ่ายหนังต่างชาติส่อแววล่ม สรรพากรตีกลับอ้างทำไม่ได้ ยุ่งยาก และจะเกิดความไม่เป็นธรรมกับธุรกิจอื่น  ขณะที่ภาคเอกชนฉะยับไม่มีวิสัยทัศน์ ความคิดคับแคบทั้งที่เป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม

ธปท.จับตาน้ำท่วมกระแทกเงินเฟ้อ ราคาสินค้าพืชผักอาหารสดพุ่งแน่ จ่อประเมินผลกระทบเศรษฐกิจ
     นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้มีผลต่อการปรับขึ้นของราคาสินค้าเกษตร อาหารสด พืชผัก เพราะโดนธรรมชาติเวลาเกิดสถานการณ์น้ำท่วมมักจะทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ทำให้มีปริมาณผลผลิตน้อยลง ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลให้ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นบ้าง แต่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตรเหล่านี้จะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อหรือเสถียรภาพด้านราคาในระยะต่อไป  รวมถึงทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชนในอนาคตปรับสูงขึ้นอีกหรือไม่ และจะกระทบระดับเงินเฟ้อเป้าหมายที่ ธปท.ต้องดูแลให้เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในกรอบ 0.5-3% หรือไม่ ต้องรอผลประเมินรายละเอียดอีกครั้ง "ถ้าปริมาณสินค้าลด ราคาสูงขึ้น ย่อมมีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นบ้าง แต่จะสูงถึงขั้นกระทบเงินเฟ้อ ให้เกินกรอบเป้าหมายหรือไม่ควรติดตามดู ประเมินสถานการณ์ให้ใกล้ชิด"

ศุลกากรปรับโฉมเข้าสู่มิติใหม่ ข้าราชการทุจริตยังโผล่เพียบ
     นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใน 3 เรื่องเพื่อทำให้กรมก้าวเข้าสู่มิติใหม่ คือ 1.อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออก และนำเข้า 2.ปราบปรามยาเสพติด และสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ 3.ปกป้องทรัพยากรภายในประเทศ โดยต้องไม่ปล่อยให้ไม้ซึ่งเป็นทรัพยากรมีค่าของไทยไปต่างประเทศ และไม่ปล่อยให้ขยะมีพิษจากต่างประเทศเข้ามาในไทย "เรื่องยาเสพติด มีสารพิษ และการทำลายทรัพยากรในประเทศ จะมาเป็นอันดับหนึ่ง ล่าสุดได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกด่านที่มีเครื่องเอกซเรย์ ต้องนำตู้คอนเทนเนอร์เอกซเรย์ในสัดส่วน 80% ของตู้ทั้งหมด จากเดิมที่เอกซเรย์เพียง 5-10% ซึ่งจะทำให้ช่องโหว่ในการเสียภาษีไม่ถูกต้องลดลง และยังป้องกันไม่ให้สินค้าต้องห้ามเข้ามาในประเทศ"

สมอ.ตื่นทำแผนแม่บทมาตรฐานสินค้า 5 ปี
     นายชัยยง กฤตผลชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)  เปิดเผยว่า สมอ.มีนโยบายจัดทำแผนแม่บทระยะยาวเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 5 ปี เพื่อกำหนดทิศทางการจัดทำมาตรฐานในอนาคต ให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเอกชนปรับตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58  ทำให้สินค้าจากอาเซียนเข้าสู่ไทยมากขึ้น หากไม่ปรับตัวสินค้าไทยจะแข่งขันลำบาก  ประกอบกับสินค้าที่เข้ามาจะต้องมีมาตรฐาน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อผู้บริโภค

อาเซียนถกวิกฤติค่าเงินแข็ง
     นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า วันที่ 27-30 ต.ค.นี้ จะมีการปรุชมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิต) ครั้งที่ 17 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยก่อนการประชุมผู้นำจะมีการประชุมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีเอ็ม) ซึ่งมีตนเป็นผุ้แทนฝ่ายไทย และการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (อาเซียน เคาน์ซิล) มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย โดยในการประชุมผู้นำอาเซียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมการประชุมด้วย ซึ่งจะหารือถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกขณะนี้ว่าจะมีผลกระทบกับอาเซียนมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะปัญหาค่าเงินในสกุลต่างๆ ของอาเซียนแข็งค่า และส่งผลกระทบต่ออาเซียนมาก นอกจากนี้จะเร่งรัดการผลักดันอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ภายในปี 58

ผวาภัยน้ำท่วมกระทบพลังงานทดแทน
     นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า พพ.ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการพลังงานทดแทนและผู้ประกอบกิจการพลังงานทดแทน อาทิ โรงไฟฟ้าชีวมวล  โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่น้ำท่วม  เร่งสำรวจว่าปัญหาน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายต่อกิจการหรือแปลงวัตถุดิบที่เพาะปลูก สำหรับป้อนให้กระบวนการผลิตพลังงานทดแทนมากน้อยเพียงใด ซึ่งวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญและเป็นโอกาสที่ดี พพ.จะได้ส่งสัญญาณไปยังผู้ประกอบการพลังงานทดแทนอื่น ให้เพิ่มมาตรการรองรับภัยพิบัติร้ายแรงที่ไม่อาจคาดเดาได้ต่อไปในอนาคตด้วย

สิงคโปร์ฮุบตลาดหุ้นออสเตรเลีย!
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวรอยเตอร์ได้รายงานว่า SGX ซึ่งเป็นบริษัทผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เปิดเผยข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการหรือเทกโอเวอร์ ASX ซึ่งเป็นบริษัทผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ด้วยวงเงิน 8,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินบาทไทย 249,000 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย รองจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว, ฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งการรวมตัวกันของ SGX และ ASX ถือเป็นการควบรวมกิจการขนาดใหญ่ครั้งแรกของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย-แปซิฟิก และมีวัตถุประสงค์ในการหลีกเลี่ยงผลกระทบจากระบบซื้อขาย ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ๆ รวมทั้งเสาะหาช่องทางสำหรับการขยายตัวและการปรับลดค่าใช้จ่าย แต่การควบรวมกิจการครั้งนี้ ยังคงเผชิญอุปสรรคหลายประการ รวมถึงการที่รัฐสภาออสเตรเลียจำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายกำหนดเพดานการถือครองหุ้น ASX  ไม่ให้เกิน 5% และสำนักงานคณะกรรมการทบทวนการลงทุนต่างชาติต้องให้การอนุมัติข้อตกลงดังกล่าว

แฉอู่แสบปั๊มรถหรูขายเกลื่อน อุตสาหกรรมหารือถกคลัง-คมนาคมปิดช่องโหว่
     อุตสาหกรรมเล็งหารือคลัง-คมนาคมปิดช่องโหว่กฎหมายถอดชิ้นส่วนและเครื่องยนต์รถหรูนอกมาประกอบเมืองไทย เผยตลาดรถหรูลักลอบสุดเฟื่องล้วนยี่ห้อดัง ทำรัฐสูญภาษีนำเข้าอื้อ

การท่าเรือลุยลงทุนพัฒนาโลจิสติกส์ไทย
     นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนา กทท.ในปี 2554 ว่า ยังคงสานต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน คือ การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพการเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ระยะที่ 2 พร้อมจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและออกแบบโครงสร้าง ทลฉ.เฟสที่ 3 เพื่อรองรับปริมาณสินค้าผ่านท่าที่จะมีเพิ่มสูงขึ้น "การขยายท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 นั้นคาดว่าจะเปิดได้ภายในปีงบประมาณ 2559 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เพื่อทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าได้ไม่น้อยกว่า 7.2 ล้านทีอียูต่อปี"

กทช.แย้มคงสิทธิเลขหมายถึงฝั่ง
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้ประกาศให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายให้บริการคงสิทธิเลขหมาย (Mobile Number Portability) หรือบริการเปลี่ยนค่ายมือถือแต่ยังคงใช้เบอร์เดิม ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่พร้อมให้บริการและยอมจ่ายค่าปรับวันละ 166,667 บาทนั้น ล่าสุดนายประเสริฐ อภิปุญญา รองเลขาธิการ กทช.ในฐานะประธานคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับบริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบและรับฟังรายงานจากคณะทำงานคงสิทธิเลขหมายพบว่าในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ จะสามารถเปิดให้บริการย้ายค่ายมือถือแต่เบอร์เดิมได้ ซึ่งจะรายงานให้ที่ประชุมบอร์ด กทช.รับทราบความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวในวันที่ 27 ต.ค.นี้ "จากการพูดคุยกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค พบว่าทั้งเอไอเอสและดีแทคพร้อมที่จะให้บริการกว่า 80% แล้ว ระบบสามารถเชื่อมต่อกันได้เกือบสมบูรณ์ ส่วนทรูมูฟ ทีโอที และกสท ยังอยู่ระหว่างการประสานงาน"

ชี้เศรษฐกิจปลายปียังมีลูกฮึด แบงก์เตรียมโหมสินเชื่อรับธุรกิจเร่งปิดบัญชี
     นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปี 53 นี้  เชื่อมั่นว่าจะยังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะมีปัจจัยเข้ามากระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวแข็งค่าของเงินบาทก็ตาม   แต่ปกติแล้วช่วงไตรมาส 4 จะเป็นฤดูกาลส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศจีนและเกาหลีที่กำลังประสบกับภัยธรรมชาติทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยมีมากขึ้น "จีดีพีไตรมาส 4 ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาน้ำท่วมเข้ามากระทบแต่หากดูจากปัจจัยพื้นฐานในภาคธะรกิจแล้ว ถือว่ามีการฟื้นตัวมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการส่งออกทั้งปีนี้ยังจะเติบโตได้ดีอยู่คือน่าจะเติบโตมากกว่า 20% จึงประเมินจีดีพีทั้งปีนี้น่าจะขยายตัว 6-7%"

โกลเบล็กปรับเป้าราคาทองโลก ฟันธงทะยานขึ้น 1,425 เหรียญ
     นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับราคาทองคำโลกปี 53 ขึ้นเป็น 1,400-1,425 เหรียญฯ/ออนซ์ และคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวในช่วงที่เหลือของปี 53 อยู่ที่ 1,300-1,425 เหรียญฯ ส่วนการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 19,800-20,200 บาท/บาททอง โดยอิงประมาณการค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 29.50 บาท/เหรียญฯ เนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ หรือ Dollar Index มีแนวโน้มทรุดตัวลงต่อเนื่องจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการดำเนินมาตรการผ่อนคลายการเงินเชิงปริมาณรอบ 2 ขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ทดแทนกันในแง่ของสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงยังอยู่ระดับต่ำ ทองคำจึงน่าสนใจมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ--จบ--

อังคาร 26  ต.ค.--เดลินิวส์ :
สรุปข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ธพว.ฟ้องหนี้เอ็นพีแอล
     นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธพว. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธพว. ได้เดินหน้าส่งเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้ของธนาคารที่สงสัยว่าจะเป็นหนี้สูญ หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท เพื่อยึดทรัพย์ และขายทอดตลาด จากยอดสินเชื่อที่มีอยู่ทั้งสิ้น 73,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเอ็นพีแอลให้ลดลง โดยสิ้นปีนี้ ธพว.คาดว่าจะลดเอ็นพีแอลให้เหลือเพียง 23% หรือ 17,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีอยู่ 25% และคาดว่าสิ้นปี 54 จะลดเหลือ 10% หรือ 13,000 ล้านบาทได้

ปลูกปาล์มนาร้าง 5 ล้านไร่ รับประกาศใช้ดีเซลบี 10 ราคาขยับขึ้นโลละ 7 บาท
     นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้หาพื้นที่ส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะพื้นที่นาร้างที่ปัจจุบันมี 5 ล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไบโอดีเซล เพราะพื้นที่เพาะปลูกในปัจจุบัน 3.9 ล้านไร่ให้ผลผลิตน้ำมันปาล์มไม่เพียงพอต่อการใช้เป็นพลังงานทดแทน เบื้องต้นมั่นใจว่าเกษตรกรจะมีผลตอบแทนดีกว่าพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ หลายชนิด เนื่องจากที่ผ่านมากรมฯ ประสบความสำเร็จในการนำรถยนต์มาทดสอบการใช้น้ำมันดีเซลบี 10 ยิ่งทำให้ความต้องการน้ำมันปาล์มในอนาคตมากขึ้น

เอกชนบริหารลานแอร์พอร์ตลิ้งก์ ชี้รฟท.หมดน้ำยาเปิดทางเอกชน
     นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังประชาชนร้องเรียนนำรถยนต์ไปจอดที่ ลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต เรล ลิงก์) และไม่ได้รับความสะดวกสบาย รวมทั้งมีการทุบรถขโมยทรัพย์สินว่า รฟท.มีนโยบายจัดจ้างเอกชนมาลงทุนและบริหารจัดการลานจอดรถแอร์เรลลิงก์  เนื่องจากต้องการให้เกิดความรวมเร็ว และเป็นการเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งหาก รฟท. ดำเนินการเอง จะมีปัญหาล่าช้าในส่วนของงบประมาณ จะไม่ทันต่อการแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้บริการ

ตราสารต่างชาติผวาภาษี
     น.ส.อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า หลังจากภาครัฐได้นำมาตรการเก็บภาษีดอกเบี้ย ณ ที่จ่าย 15% จากนักลงทุนต่างชาติที่เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดตราสารหนี้ไทยมาใช้เพื่อดูแลค่าเงินบาทนั้น ทำให้ปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) ของนักลงทุนต่างชาติลดลงอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันมีวอลุ่มเฉลี่ยไม่ถึงวันละ 2,000-3,000 ล้านบาท จากเดิมที่เฉลี่ยวันละ 8,000-10,000 ล้านบาท และยังพบว่าบางช่วงมีการเทขายสุทธิติต่อกันหลายวัน จากก่อนหน้านี้ที่ไม่ค่อยเห็นการขายสุทธิอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทำการ--จบ--