พุธ 8 ส.ค.2555--eFinanceThai.com :
ครม.ใจดีขยายเก็บVAT 7% อีก 2 ปี

* กระตุ้นกำลังซื้อ-หนุนเศรษฐกิจฟื้น
          ครม. ใจดี ไฟเขียวขยายเวลาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมจะสิ้นสุด 30 ก.ย.55 หลังจากนั้นจะเริ่มเก็บ 9% ตั้งแต่ 1 ต.ค.57 หวังกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่โบรกเกอร์ มอง ไม่มีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้น เหตุอยู่ในคาดการณ์แล้ว ระบุ หากปรับขึ้นคงกระทบผู้บริโภค และหุ้นกลุ่มพาณิชย์ หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภค
* ครม.ไฟเขียวขยายเวลาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 2 ปี
          น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 สิงหาคม 2555 มีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอขยายระยะเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7% ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่จะครบกำหนดในสิ้นเดือนกันยายน 2555 โดยหลังจากนั้น อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะจัดเก็บที่ 9% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.57
          "จากการที่ประเทศไทยประสบกับมหาอุทกภัย ทำให้อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 54 ลดลงเหลือ 0.1% จาก 7.8% ในปี 53 และการบริโภคและการลงทุน การนำเข้าการส่งออก ชะลอตัวลง ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อ และให้การบริโภค การลงทุน รวมถึงเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา จึงได้ขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ออกไปอีก 2 ปี" นางสาวศันสนีย์ กล่าว
* รมว.คลัง ระบุ กระตุ้นกำลังซื้อประชาชน ด้านการใช้จ่าย-การลงทุนภาคเอกชน
          ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เกี่ยวกับมาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากอัตราร้อยละ 10 (รวมภาษีท้องถิ่น) ให้คงเหลือจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ซึ่งจะสิ้นสุดลงวันที่ 30 กันยายน 2555 โดยการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้มีการขยายตัวในด้านกำลังซื้อของประชาชน ในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
          1.ให้ยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557
          2.ให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 10 สำหรับการขายสินค้า การให้บริการหรือ การนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
* หนุนการจับจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค-ลดภาระค่าครองชีพ
          นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 7 ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากประเทศไทยได้ประสบกับปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ซึ่งมีผลกระทบต่อภาวะการจ้างงาน อันมีผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของประชาชนโดยทั่วไปที่ลดต่ำลง การยังคงจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราเดิมจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนสามารถมีกำลังซื้อในการจับจ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น และเป็นการลดภาระค่าครองชีพในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในระยะฟื้นตัวหลังประเทศประสบอุทกภัย อันจะทำให้การบริโภคและการลงทุนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
          ด้าน ดร.สาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และการกำหนดความแน่ชัดในอัตราภาษีจะมีส่วนช่วยในการวางแผนการบริหารธุรกิจได้อย่างถูกต้อง โดยในส่วนของภาครัฐ เมื่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคงแล้ว ในระยะยาวจะทำให้ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ได้เพิ่มขึ้น
* บล.ฟิลลิป มองไม่กระทบตลาดหุ้น
          นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผูอำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า การขยายระยะเวลาเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 2 ปีของรัฐบาลไม่ได้ส่งผลกระทบในทางลบหรือทางบวกต่อภาพรวมการลงทุนหรือหุ้นกลุ่มใดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลน่าจะต้องทำและตลาดคาดการณ์ว่าสมควรจะเป็นไปในรูปแบบนี้
          เนื่องจากการที่เศรษฐกิจโลกไม่ดี การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยตรง กรณีที่รัฐบาลปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม น่าจะตกอยู่ที่ประชาชนซึ่งเป็นผู้บริโภคมากกว่า
          "ผลกระทบที่เกิดขึ้นคงไม่มีอะไร ทั้งทางตรงและทางจิตวิทยา เพราะภาษีไม่ได้ปรับขึ้นหรือลดลง เพียงแต่คงไว้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากปรับขึ้น คงกระทบผู้บริโภค และถ้าเป็นหุ้นก็คงเป็นกลุ่มพาณิชย์ หรือกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภค แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไร เพราะทุกคนคาดอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจแบบนี้รัฐบาลคงไม่กล้าขึ้นภาษี" นางสาวธีรดา กล่าว
* บล.ทิสโก้ มองไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ดีกว่าขึ้นภาษี
          นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดลูกค้าส่วนบุคคล บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอขยายระยะเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7% ออกไปอีก 2 ปี เพื่อกระตุ้นให้มีการขยายตัวในด้านกำลังซื้อของประชาชน ในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน จากเดิมที่จะครบกำหนดในสิ้นเดือนกันยายน 2555 และจะเก็บอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 9% ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2557 ว่า การขยายระยะเวลาเก็บภาษีอัตรา 7% ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่รัฐบาลคาดหวัง แต่ยังดีกว่าการที่รัฐบาลจะปรับขึ้นอัตราภาษี
          เนื่องจากประชาชนและภาคเอกชนจ่ายภาษีในอัตรา 7% มานานแล้ว และนักลงทุนทราบมาก่อนแล้วว่ารัฐบาลไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราการเก็บภาษีเป็น 9% เพราะอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้
          ขณะเดียวกัน ตลาดฯ ยังให้ความสำคัญกับวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปมากกว่าปัจจัยภายในประเทศ ดังนั้นการประกาศขยายเวลาการจัดเก็บภาษีที่ 7% ต่อไปก็ไม่น่าจะกระตุ้นตลาดฯ ได้ เนื่องจากหลังจากที่รัฐบาลประกาศขยายเวลาดังกล่าว ราคาหุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค และนำเข้าส่งออกก็ไม่เคลื่อนไหวมากนัก
* บล.โกลเบล็ก ระบุ อยู่ในคาดการณ์ของนักลงทุน
          ด้านนายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกับตลาดฯ เนื่องจากเป็นเรื่องเดิมที่นักลงทุนรู้มานาน และมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ารัฐบาลไม่มีทางที่จะเก็บภาษีเพิ่มเป็น 9% ในช่วงนี้แน่นอน เพราะรัฐบาลต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากประกาศขึ้นอัตราการเก็บภาษีอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะงักได้
          ทั้งนี้ บล.โกลเบล็ก ยังแนะนำ ลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่ราคายังปรับขึ้นไปไม่มาก เช่น BANPU เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาได้ปรับลดลงไปค่อนข้างแรง จากความกดดันเรื่องราคาถ่านหินที่ปรับตัวลดลง
          ขณะที่นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า กรณีที่ครม.ขยายระยะเวลาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7% ออกไปอีก 2 ปี โดยคาดหวังเพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ไม่น่าจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดฯได้ เพราะถือเป็นเรื่องเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หากมีการปรับลดภาษีน่าจะกระตุ้นตลาดฯได้มากกว่าการขยายเวลาคงภาษี ส่วนที่มองว่า การขยายระยะเวลาเก็บภาษีที่ 7% นั้นน่าจะช่วยกระตุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคและกลุ่มนำเข้าส่งออกได้นั้น ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตลาดฯ รับรู้มานาน และไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเลย