อังคาร 14 ส.ค.2555--eFinanceThai.com :
เพลย์เซฟต้องลุยDomestic-หุ้นปันผล

* หนีหุ้นน้ำมัน เชียร์ EASTW-KCAR-TK แจ่ม
       ได้เวลาลุยหุ้น Domestic Plays -PER ต่ำ -ปันผลแจ่ม โบรกฯ แนะนักลงทุน Switch หนีจากการลงทุนหุ้นน้ำมัน-ปิโตรฯ หลังคาดส่อพักตัวช่วงสั้น หลังก่อนหน้านี้พุ่งแรงตามการรีบาวน์ของราคาน้ำมันดิบโลกไปแล้ว ชู EASTW-KCAR-TK เด็ดดวง คาดดัชนีฯ ทรงตัวในกรอบ 1,195-1,230 จุด
* ปรับพอร์ตการลงทุนมาเข้าหุ้นกลุ่ม Domestic PER ต่ำกว่าตลาด
       ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ ประเมินว่าวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม มีโอกาสที่หุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเลี่ยมจะพักตัวในช่วงระยะสั้น หลังจากที่หุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้ดีดตัวขึ้นแรง ตามการ rebound ของราคาน้ำมันดิบโลก มาตั้งแต่ 31 ก.ค. 2555 จนถึงวานนี้ (9 ส.ค.55) ได้แก่ TOP ให้ผลตอบแทน +15.7,BANPU +13.5%, LANNA +7.9%, IVL 5.9% และ PTTGC +5.49% ถือว่า Outperform ตลาดอย่างมาก
       เนื่องจากในช่วงเวลาเดียวกันนี้ตลาดปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% เท่านั้น เมื่อพิจารณาร่วมกับ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่ 31 ก.ค.จนถึงวานนี้ รวมแล้วกว่า 6.5 พันล้านบาท เชื่อว่า แรงซื้อน่าจะชะลอตัวในระยะสั้น เป็นปัจจัยกดดันหุ้นในกลุ่มนี้ เพราะฉะนั้น ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำให้นักลงทุน ปรับพอร์ตการลงทุนมาเข้าหุ้นกลุ่ม Domestic PER ต่ำกว่าตลาด เมื่อบวก Dividend Yield สูง หุ้นเหล่านี้มีโอกาสกลับมา Outperform ในช่วงถัดไป
       โดยเฉพาะหุ้นที่ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการ 1H55 อย่าง EASTW ซึ่งหลังจากนักวิเคราะห์ของ ASP ปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ และเพิ่ม Fair Value เป็น 12.50 บาท ก็ได้ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2555 ดีกว่าคาดถึง 10% จาก Gross Margin ที่ดีกว่าคาด 1% พร้อมคาดเงินปันผล 0.15 บาท/หุ้น ขณะที่หุ้น Dividend Plays ที่ฝ่ายวิจัยแนะนำมาโดยตลอดก็ยังคงน่าสนใจ ได้แก่ KCAR ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 21.60 บาทต่อหุ้น ปันผล 0.43 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 ส.ค., TK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 17.64 บาทต่อหุ้น ปันผลพิเศษ 0.37 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 21 ส.ค.2555
* สัปดาห์หน้าดัชนีฯ ทรงตัวมากขึ้น ยังต้องจับตาผลงาน บจ.ในไตรมาส 2/55
       ด้านนายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (14-17 ส.ค.) มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน ซึ่งคาดว่าจะมีลักษณะทรงตัวมากขึ้น โดยมีโอกาสที่จะปรับตัวรีบาวน์ในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งปัจจัยหลักในสัปดาห์หน้าจะมาจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2555 สัปดาห์สุดท้ายของบริษัทฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือ บจ.
       ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศยังคงต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจของตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้า ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์หน้า แนะนำนักลงทุน ซื้อช่วงตลาดอ่อนตัว โดยแนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มผลกำไรออกมาดีทั้งในช่วงไตรมาส 2/2555 และแนวโน้มครึ่งปีหลัง โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,200 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,225 - 1,230 จุด
* ดัชนีฯ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,195-1,225 จุด
       ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า มีแนวโน้มทรงตัว ไม่แกว่งตัวมากนัก โดยดัชนีฯน่าจะอยู่ระดับ 1,195 - 1,225 จุด เนื่องจากมีปัจจัยภายในประเทศคือการประกาศงบผลประกอบการไตรมาส 2/2555 ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในส่วนที่เหลือ ประกอบกับมีการเปิดทำการเพียง 4 วัน เนื่องจากวันหยุดชดเชยวันแม่ ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา
       ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนเล่นในกลุ่มพื้นฐานดี เช่น TVO, CENTEL, DELTA และAMATA และหุ้นกลุ่มปันผลเช่น ADVANC, INTUCH, MCOT, MAJOR และกลุ่มธนาคาร โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,195 - 1,200 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,223 - 1,225 จุด