พุธ 26 ต.ค.2554--eFinanceThai.com :
น้ำท่วมทำAOT-THAI จุก

        พิษน้ำท่วมเล่นงานภาคการบินของไทย หลังขยายวงกว้างท่วมสนามบินดอนเมืองจนต้องปิดทำการ ส่วนการบินไทยเผยพนักงานถูกน้ำท่วมบ้านหลายคน อาจต้องลดเที่ยวบินต่างประเทศ ด้านรมว.ท่องเที่ยวฯ รับฉุดยอดนักท่องเที่ยวปีนี้ทรุด 10-20% แต่โบรกฯ มอง AOT ยังมีข่าวดี เชื่อมั่นรัฐฯ จะกระตุ้นภาคท่องเที่ยวหลังน้ำลด - ตัวเลขดีกว่าปีก่อน แนะ “ซื้อ” แต่ THAI ยังไม่เวิร์ค เหตุเจาะตลาดเครื่องบินโลว์คอสต์ไม่ได้ - มีพิษสึนามิตั้งแต่ต้นปีกดดัน
        งานเข้าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบินของไทย หลังจากน้ำเหนือไหลบ่าเข้ากทม.ต่อเนื่อง ล่าสุดขยายวงกว้างกินพื้นที่สนามบินดอนเมือง จนต้องประกาศหยุดทำการ โดย น.อ.กันต์พัฒน์ มังคละศิริ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ออกมาประกาศว่า ตั้งแต่เวลา 17.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคมเป็นต้นไป สมาคมบินดอนเมืองจะปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เพราะน้ำท่วมบริเวณทางวิ่ง รวมทั้งไฟทางวิ่งก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน จึงต้องหยุดให้บริการเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและสายการบิน
        โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ประธานคณะกรรมการ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เปิดเผยว่า สนามบินดอนเมืองยังรับมือน้ำท่วมไหว แม้ว่าได้มีน้ำไหลเข้ามายังพื้นที่ของสนามบินดอนเมืองบ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วน สนามบินสุวรรณภูมิ ยังเปิดให้บริการได้ตามปกติ ยังไม่มีปัญหาจากสถานการณ์น้ำท่วมเนื่องจากอยู่ในพื้นที่สูง
*** THAI ส่อแววลดเที่ยวบินตปท. - นกแอร์ประกาศหยุดบิน
        นายปิยสวัสดิ์อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า ทางบริษัทอาจพิจารณาปรับลดเที่ยวบินต่างประเทศหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อ เนื่องจากขณะนี้พนักงานขาดแคลน เพราะถูกผลกระทบจากน้ำท่วมในประเทศ แต่ยังยืนยันในขณะนี้ทางการบินไทยยังดำเนินการปกติ ทั้งนี้ประเมินว่าในขณะนี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นอยู่แล้ว ดังนั้นการลดเที่ยวบินต่างประเทศจึงเป็นตัวเลือกที่จะทำให้ทาง การบินไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
        ส่วนนายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ ซึ่งมีบมจ.การบินไทย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดเผยว่าจะหยุดบินทุกเที่ยวบิน ตั้งแต่ 12.00 น.ของวันที่ 25 ตุลาคม จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หลังประสบปัญหาน้ำท่วมที่บริเวณสนามบินดอนเมือง ส่วนเครื่องบินทั้งหมดของบริษัท รวม 12 ลำ จะนำไปจอดที่สนามบินอู่ตะเภา
        ทั้งนี้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ได้ซื้อหุ้น บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด จากธนาคารกรุงไทย หรือ KTB จำนวน 10% เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา คิดเป็นหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 33 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 165 ล้านบาท ทั้งนี้การซื้อหุ้นดังกล่าวทำให้บริษัทมีสัดส่วนการถือครองหุ้นสายการบินนกแอร์เพิ่มจาก 39% เป็น 49% โดยเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ต้องการมีอำนาจในการกำหนดกลยุทธ์ให้สายการบินนกแอร์เป็นสายการบินราคาประหยัด เพื่อแข่งขันและปกป้องส่วนแบ่งตลาดจากสายการบินราคาประหยัด และสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ
*** รมว.ท่องเที่ยวฯ ยอมรับน้ำท่วมฉุดเป้านักท่องเที่ยวปีนี้ลดลง 10-20%
        นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายนักท่องเที่ยวในปีนี้ลดลง 10-20% จากที่คาดไว้ 19 ล้านคน
        'ยอมรับว่ามีผลกระทบยอดนักท่องเที่ยวประมาณ 10-20% นักท่องเที่ยวน่าจะหายไปประมาณ 5 แสนถึง 1 ล้านคน จากเป้าที่วางไว้ 19 ล้านคน จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง' นายชุมพล กล่าว
        อนึ่ง ศูนย์ปฎิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทย รายงานว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 28 จังหวัด อาทิ นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรสาคร ราษฎรได้รับความเดือดร้อนแล้ว 2.47 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 366 คน สูญหาย2 คน และมีพื้นที่เกษตรเสียหายราว 10 ล้านไร่
*** หุ้น AOT ปิดบวก ส่วน THAI ร่วง 2.97%
        วานนี้ (25 ต.ค.) หุ้นท่าอากาศยานไทยปิดการซื้อขายในแดนบวก ส่วนหุ้น การบินไทยกลับเคลื่อนไหวในแดนลบ
        โดยหุ้น AOT ปิดที่ระดับ 37.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.67% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 433.16 ล้านบาท
        ส่วนหุ้น THAI ปิดที่ระดับ 19.60 บาท ลดลง 0.60 บาทหรือ -2.97% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70.75 ล้านบาท
*** กิมเอ็ง ยังมอง AOT เป็นบวก เชื่อรัฐฯ จะกระตุ้นท่องเที่ยวหลังน้ำท่วมชัวร์
        ทางบล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า AOT จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมในระยะต่อไป เนื่องจากหากคาดการณ์แนวคิดของรัฐ บาลในการจัดการด้านการฟื้นฟูและเร่งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังน้ำลดนั้น เชื่อว่ารัฐอาจต้องออกมากระตุ้นด้านการท่องเที่ยวในต้นปี 2555 เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ภาพพจน์ การใช้จ่าย ฯลฯ ให้กลับมา ซึ่งอาจออกเป็นแพ็คเกจเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวในหลายจังหวัดยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากน้ำท่วม อีกทั้งเมื่อภาคอุตสาหกรรมหลักชะลอตัว จะทำให้การขับเคลื่อนของประเทศลดลงตามไปด้วย ดังนั้นการส่งเสริมด้านดังกล่าวจะเป็นการพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ในระดับหนึ่ง
        อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงบการเงินของ AOT ในรอบปัจจุบัน ได้ปิดงวดปี 2554 แล้ว และในไตรมาส 4/54 ถือเป็นงวดไตรมาส 1/55 นั้น จะได้รับประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าวในงวดปี 2555 แทน โดยเฉพาะในไตรมาส 2/55 (ม.ค.55-มี.ค.55)
        นอกจากนี้หากประเมินจากระดับราคาหุ้นของ AOT ถือว่าน่าสนใจมาก โดย P/BV อยู่ที่เพียง 0.68 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงที่ประเทศไทยมีปัญหาความรุนแรงจากการเมืองในปีก่อนๆ แต่ปัจจัยน้ำท่วมเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ดังนั้นขณะนี้บรรยากาศโดยรวมถือว่าดีกว่ามาก จึงแนะนำให้ซื้อสะสมในระยะกลาง โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 51 บาท
        โดยตัวเลขสถิติในปี 2553/2554 ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ดีมาก โดย AOT รายงานตัวเลขจำนวนผู้โดยสารปีบัญชี 2553/2554 (ต.ค. 53–ก.ย. 54) ที่ 66.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ ซึ่งผลักดันจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตสูง 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แตะ 17.5 ล้านคน และปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางด้วยสายการบินต้นทุนต่ำที่เติบโตต่อเนื่อง 25.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแตะ 17.6 ล้านคน ขณะที่ปริมาณผู้ใช้สนามบินสุวรรณภูมิได้ทะลุสูงขึ้นเป็น 47.8 ล้านคน เกินกว่าขนาดไปแล้ว 6% ส่วนสนามบินดอนเมืองยังคงใช้ประโยชน์เพียง 10% จากขนาด 36.5 ล้านคน ขณะที่ปริมาณเที่ยวบินรวมเติบโตในทิศทางเดียวกัน 15.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
        ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการกำไรปกติน่าจะเข้าเป้าที่ 3.9 พันล้านบาท เติบโต 329% yoy แม้ว่าใน 4Q53/54 ตัวเลขกำไรสุทธิทางบัญชีจะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 900 ลบ. จากการแข็งค่าของเยน 6.5% qoq (AOT ทำ Hedging หนี้สกุลเยนได้ 77% จากยอดหนี้ 1.54 แสนล้านเยน) แต่ในแง่ Core business ยังถือว่าดีมาก อย่างไรก็ดีสำหรับ 1Q54/55 เราเชื่อว่า AOT อาจได้รับผลลบจากน้ำท่วมในแง่ปริมาณนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มจะชะลอตัวลง ซึ่งเราเชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งภาคการท่องเที่ยวด้วยมาตรการต่างๆภายหลังน้ำ ท่วมซึ่งจะดึงให้จำนวนผู้ใช้บริการสนามบินฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 2Q54/55
*** THAI ยังไม่เก่งโลว์คอสต์ แนะชะลอลงทุน
        นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้สถานการณ์อุทกภัยจะเกิดขึ้นในระดับที่รุนแรงในประเทศไทย แต่ภาพรวมการจังหวัดการท่องเที่ยวหลักยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เช่น ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า กรุงเทพฯ ที่ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาจำนวนมากนั้น ขณะนี้ได้ถูกจัดเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และมีความเป็นไปได้ที่จะน้ำท่วมสูงนั้น และย่อมจะกระทบต่อภาพการท่องเที่ยวโดยรวมในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นให้ชะลอออกไป จากการระมัดระวังการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทย และความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ลดลง โดยคาดว่าจะเดินทางเข้ามาต่ำกว่าที่หน่วยงานของรัฐได้ประเมินไว้ 5-10% จากที่คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยปีนี้ 19 ล้านคน
        ดังนั้น THAI ซึ่งเป็นสายการบินที่มีเส้นทางการบินระหว่างประเทศจำนวนมากอาจได้รับผลกระทบในระดับที่มากพอสมควร อีกทั้งในภาพการแข่งขันของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำที่มีความรุนแรงมากขึ้น ตามอัตราการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารในกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำที่ 25% ต่อปี ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยแม้การบินไทยจะมีนกแอร์เป็นตัวแทนสายการบินต้นทุนต่ำ แต่ยังถือว่ามีความเสียเปรียบในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านราคา ที่เป็นไปตามลักษณะของสายการบินต้นทุนต่ำแบบพรีเมี่ยม
        อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามในเชิงการดำเนินกิจการของ THAI ตามแผนการลงทุนในการดำเนินการสายการบินไทยสไมล์ ที่จะเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2555 เริ่มจากเส้นทางภายในประเทศก่อน ได้แก่ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น เชียงราย และสุราษฎร์ธานี จากนั้นปี 2556 จะเริ่มทำการบินในตลาดต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย ต่อไปนั้น จะมีความคืบหน้าและสร้างความแข็งแกร่งของ THAI ได้อย่างไรบ้าง
        ทั้งนี้ หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานดังกล่าว จึงแนะนำให้ชะลอการลงทุน เพื่อติดตามความคืบหน้าและลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดฯก่อน แต่หากพิจารณาจากระดับ Price per Book Value (P/BV) หรือ ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชีนั้นอยู่ที่เพียง 0.4-0.5 เท่า ซึ่งถือว่าราคาหุ้น THAI ยังต่ำ จึงสามารถเก็งกำไรสั้นๆตามภาวะตลาดได้
*** คันทรี่กรุ๊ป มองไม่ดีทั้งคู่ แต่ THAI แย่กว่า เพราะพิษสึนามิในช่วงต้นปี
        นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้ง AOT และ THAI เนื่องจากกระทบต่อประมาณนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ลดลง และมีความเสี่ยงว่าปริมาณน้ำที่เพิ่มระดับขึ้นสูง ทำให้มีความเสี่ยงว่าจะกระทบต่อการขึ้นบินและสนามบินได้ หากน้ำล้นเข้าไปยังลานบินในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว
        ทั้งนี้ในแง่ของผลการดำเนินงาน มองว่า THAI จะได้รับผลกระทบมากกว่า เนื่องจากมีปัญหาในช่วงไตรมาส 2/54 จากสึนามิในญี่ปุ่นเข้ามากดดันผลประกอบการในครึ่งปีแรก ดังนั้นจากปัจจัยนี้ทำให้มีความเสี่ยงจากปัจจัยระยะสั้น ดังนั้นจึงควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่หากพิจารณาในการดำเนินงานระยะยาวยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และระดับราคาในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำ
        สำหรับการประเมินผลประกอบการงวดปี 2554 ของ AOT และ THAI โดยยังไม่รวมปัจจัยน้ำท่วมนั้น คาดว่ากำไรสุทธิของ AOT จะอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 120% เนื่องจากจะได้บันทึกค่าปรับจากการลดหย่อนให้นักท่องเที่ยวในปีก่อนกลับเข้ามา ทั้งนี้ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ AOT อยู่ที่ 48 บาท
        ส่วน THAI คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 90% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ทำได้ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้พิเศษเข้ามาในปีนั้น ซึ่งหากไม่รวมรายได้พิเศษจะมีกำไรปีก่อนเพียง 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ THAI อยู่ที่ 22.50 บาท
*** เส้นเทคนิคยังแกว่งตัว
        นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุว่า สัญญาณเทคนิคราคาหุ้น THAI และ AOT อยู่ในลักษณะแกว่งตัว โดย THAI แนะขายหากราคาต่ำกว่าแนวรับที่ระดับ 19.40-19.00 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 20.00 บาท ส่วนราคาหุ้น AOT แนะขายหากต่ำกว่า 35.50 บาท