จันทร์  13 ก.ย.--eFinanceThai.com :

หุ้นอสังหาฯ..คืนชีพ !
หุ้นกลุ่มอสังหาฯฟื้นคืนชีพ!! หลังราคาปรับฐานมานาน คาดแบงก์ชาติตรึงดอกเบี้ยนโยบาย กันเงินไหลเข้าแก้ปัญหาบาทแข็ง ส่งผลดีต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัย หนุนผลประกอบการแจ่มยกกลุ่ม ขณะที่งบ Q3/53 โตต่อเนื่อง กำไรทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังมี Backlog ระดับ 1 แสนล้านบาท โบรกฯเชียร์ซื้อ SPALI-LPN-AP-PS เหตุปันผลสูง ราคายังไม่พีก

หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลับมาฉายแววโดดเด่นอีกครั้ง หลังจากผ่านช่วงปรับฐานไปแล้ว โดยในช่วงไตรมาส 2/53 ทั้งกลุ่มมีงานในมือ(Backlog)รวมกันกว่า 1 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 จะดีต่อเนื่อง และมีบางบริษัทที่สร้างสถิติกำไรสูงสุด

นอก จากนี้ โบรกเกอร์คาดการณ์ว่า เงินบาทที่แข็งค่ารุนแรงจนกระทบต่อภาคส่งออก จะกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 2 ครั้งถัดไป คือวันที่ 20 ต.ค.53 และ 1 ธ.ค. 53 เพื่อลดแรงกดดันจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาฯโดยรวม เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดไม่สูงขึ้นมาก จูงใจให้ผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

สำหรับ หุ้นที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจในกลุ่มนี้ประกอบด้วย บริษัทศุภาลัย จำกัด(มหาชน)หรือ SPALI , บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ LPN,บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP และ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดี-ปันผลสูง-ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นไม่ มาก

ASP ชี้ Backlog สูงเป็นประวัติการณ์-ลุยปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย

บทวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่วงปรับฐานไปแล้ว และน่าจะถึงการลงทุนรอบใหม่ ถึงแม้ 2Q53 จะถูกปกคลุมด้วยสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง และการทยอยหมดอายุของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ แต่ 14 บริษัทใน Coverage ของฝ่ายวิจัยยังสามารถสร้าง Presale ได้สูงถึง 3.8 หมื่นล้านบาท ลดลงเพียง 13% QoQ ซึ่งเป็นระดับที่ยังสูงกว่าการบันทึกรายได้ที่เกิดขึ้นในงวด 2Q53 ผลดังกล่าวทำให้ Backlog ณ สิ้น 2Q53 ของ 14 บริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้นทะลุ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่ง Backlog ดังกล่าวจะเป็นหลักประกันที่ดีของรายได้และผลประกอบการตลอดจนเงินปันผลที่จะ ได้รับช่วง 2 ปีข้างหน้า

ขณะที่ 3Q53 ผลประกอบการจะดีขึ้น และบางบริษัทจะสร้าง New High ของกำไรใน 4Q53 และเชื่อว่า 2Q52 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของผลประกอบการงวดปี 2553 โดย 14 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 4.17 พันล้านบาท ลดลง 39.5% QoQ สำหรับแนวโน้มในงวด 3Q53 คาดว่าผลประกอบการจะค่อยๆ ดีขึ้นจากการที่โครงการแนวราบที่เปิดตัวใหม่เริ่มสร้างรายได้ ส่วนในงวด 4Q53 คาดว่าหลายบริษัทจะสามารถแสดงผลประกอบการที่โดดเด่น ซึ่งเกิดจากการที่มีโครงการคอนโดฯ ถึงกำหนดส่งมอบและรับรู้รายได้ อย่างเช่น SPALI, LPN, PS, LH, SC และ NOBLE

ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯ เข้าสู่ช่วงการปรับฐานราคามานานกว่า 1 เดือน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นที่กำลังเข้ามาไม่ว่า ผลประกอบการที่กลับมาเติบโต, Backlog ที่สร้าง New High , Presale ในงวด 2H53 ที่น่าจะสูงกว่า 1H53 และ Sentiment ที่ดีจากการเปิดตัวโครงการใหม่ เชื่อว่าน่าจะทำให้ราคาหุ้นตอบสนองในเชิงบวก จึงอาจกล่าวได้ว่าช่วงของการปรับฐานราคาน่าจะจบลงแล้ว และน่าจะเข้าสู่ช่วงการลงทุนรอบใหม่ ฝ่ายวิจัยได้พิจารณาปรับเพิ่ม Fair Value ของ 3 บริษัทได้แก่ SPALI, LPN และ AP จาก PER 8 เท่า เป็น 10 เท่า เพื่อเป็นการตอบสนองต่อพัฒนาการเชิงบวกของปัจจัยพื้นฐาน พร้อมกันนี้ได้เลือกทั้ง 3 บริษัทดังกล่าวเป็นหุ้น Top Pick ในรายงานฉบับนี้

เกียรตินาคินเชียร์ซื้อ PS ยอดพรีเซลทะลัก

บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า แนำนำซื้อหุ้น PS โดยบริษัททำยอดขายได้แล้ว 9,000 ล้านบาท นับตั้งแต่ม.ค-ส.ค 53 คิดเป็น 60%ของเป้าหมายปี 53 ที่ 15,000 ล้านบาท หลังจากยอด Presale ในช่วงครึ่งปีบริษัททำได้ 7,346 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือ เดือน ก.ค - ส.ค.53 บริษัททำยอดขายได้ประมาณ 1,652 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินค้าที่ขายได้ยังคงเป็นคอนโดมีเนียม 60% และเป็นแนวราบ 30% โดยบริษัทคาดหวังการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังช่วยผลักดันยอดขาย

ทั้ง นี้ บริษัทมีศักยภาพที่ดีจาก Backlog ในมือช่วยทยอยรับรู้รายได้ โดยบริษัทมี Backlog ในมือที่ประมาณ 19,000-19,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี53 ในครึ่งปีหลังประมาณ 5,500 ล้านบาท ปี 54 ที่ 6,500 ล้านบาท ปี55 ที่ 4,000 ล้านบาท และในปี 56 ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีสินค้าพร้อมขาย 12,500 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 55% และเป็นคอนโดมีเนียม 45%

นอก จากนี้ PS มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องในครึ่งปีหหลัง 2H53 ที่จำนวน 13 โครงการ มูลค่าโดยรวมกว่า 13,000 ล้านบาท หลักๆ เป็นสินค้า บ้านเดียว 8 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และ คอนโดมีเนียม 3 โครงการ แบ่งตามมูลค่าโครงการ คิดเป็น แนวราบโดยรวมทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ที่ 57% และแบ่งเป็น คอนโดมีเนียมที่ 43% สำหรับในปี 54 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เบื้องต้นที่ 13 โครงการ มูลค่าโดยรวม 17,970 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 58% และสินค้าคอนโดมีเนียม 42% เมื่อเทียบจากมูลค่าโดยรวม

ทั้งนี้ คาดผลประกอบการอาจยังไม่ดีนักใน 3Q53 อย่างไรก็ตามคาดผลประกอบการจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งใน 4Q53 จากการรับรู้รายได้ 3 โครงการคือ City Home ท่าพระ Spalai Park เกษตร และ โครงการ Spalai Premier รัชดา-นราธิวาส คาดรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีงานในมือที่มีประสิทธิภาพต่อผลประกอบการจากBacklog ในมือถึง 19,000 ล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 53-56 คาดในปี 53 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,811 ล้านบาท และในปี 54 มีกำไรสุทธิ 3,082 ล้านบาท เติบโต 10% คาดบริษัทประกาศจ่ายปันผลทั้งปีที่ 0.60 บาท โดยบริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.30 บาท คาดบริษัทจ่ายปันผลอีกครึ่งปีหลัง (2H53) ที่0.30 บาท ให้ผลตอบแทน Dividend Yield 2.6% และคาดจ่ายปันผลปี 54 ที่ 0.70 บาท ให้ผลตอบแทน Dividend Yield 6%

บัวหลวงแนะเก็บ AP กำไรพุ่งกระฉูด

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า แนะนำซื้อ AP โดยได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2554 ขึ้นเป็น 7.70 บาทจากเดิมที่ 6.80 บาทเพื่อสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไร (เป้าหมาย PER โครงการที่อยู่อาศัยเท่าเดิมที่ 8.6 เท่า) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจาก (1) มีแนวโน้มที่ยอดจองซื้อจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3/53 (2) แนวโน้มความแน่นอนของกำไรอยู่ในขั้นดีใช้ได้ (ยอดขายรอรับรู้เป็นรายได้คิดเป็น 88% ของประมาณการรายได้เราในปี 2553 คิดเป็น 27% ของปี 2554 และ 46% ของปี 2555) และ (3) ยอดขายจากโครงการทาวน์เฮ้าส์ระดับล่างที่เปิดใหม่เพิ่มเติมอาจทำให้มีโอกาส ผลประกอบการดีกว่าคาด สำหรับมูลค่าของ AP ดูน่าลงทุนอีกครั้ง หลังจากราคาปรับตัวลง 10% จากสัปดาห์ก่อน โดยซื้อขายที่ PER ปี 2554 อยู่ที่ 7.5 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2548-2552 ที่ 8.6 เท่า เราจึงมองว่าราคาหุ้น ณ ตอนนี้ เป็นเวลาเหมาะที่จะเข้าสะสมหุ้น

ทั้ง นี้ บัวหลวง ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักขึ้น 17% ในปี 2553 และ 12% ในปี 2554 เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการบ้านที่ดีกว่าที่คาดในไตรมาส 2/53 (ออกมาจริงที่ 35.8% ซึ่งเราประมาณการที่ 32%) เนื่องจากมีการปรับต้นทุนโครงการคอนโดและกำไรขั้นต้นของโครงการแนวราบที่ออก มาใหม่ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามเราคาดกำไรในไตรมาส 3/53 ไม่ดีนัก (ลดลง YoY และ QoQ แต่จะดีดตัวกลับ QoQ ในไตรมาส 4/53 เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนโครงการเดอะ ริธึม รัชดา (มูลค่า 3.6 พันล้านบาท AP ถือหุ้น 51% โดยขายแล้ว 77%)

ธนชาตปลื้ม LPN-PS ปันผลสูง ราคาต่ำกว่าเพื่อน

บทวิเคราะห์บล.ธนชาต แนะนำซื้อ LPN ให้ราคาเป้าหมาย 14 บาท โดยคาดว่าจะจ่ายปันผลสูงสุด ขณะที่ Presales ของ LPN ใน 3Q10 ยังคงแข็งแกร่งและคาดว่าน่าจะสูงกว่า 3Q09 เนื่องจากความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการที่เปิดขายไปแล้วและในเดือน ต.ค. จะมีการเปิดตัวโครงการที่ใหญ่ที่สุดของ LPN มูลค่า 5.5 พันล้านบาท ที่คาดว่าจะขายได้หมดอย่างรวดเร็ว หากเป็นไปตามคาดยอดพรีเซลปีนี้จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ว่ากำไร 3Q10 จะอ่อนตัวลงเนื่องจากไม่มีโครงการเสร็จในไตรมาสนี้ แต่ธนชาตคาดว่ากำไร 4Q10 น่าจะกลับมาแข็งแกร่งและดีที่สุดเป็นประวัติการณ์จากการรับรู้รายได้จากคอน โด 4 โครงการ LPN เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นในกลุ่มอสังหาฯที่ราคาถูกเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆอีกทั้ง ยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงสุดในกลุ่มที่ 5.2% โดยคาดว่า LPN จะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.51 บาทในปีนี้

นอกจากนี้ ยังแนะนำซื้อ PS มีราคาเป้าหมาย 32 บาทต่อหุ้น โดย PS รายงานยอด presales เดือนก.ค. และ ส.ค. จำนวน 6 พันล้านบาท ซึ่งเท่ากับยอด presales ในช่วง 3Q09 ที่ 6 พันล้านบาทแล้ว ยอด presales นี้เป็นไปตามที่เราคาด โดย 8M10 ยอด presales มีจำนวน 2.6 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามเป้ายอด presales ของ PS ทั้งปีนี้ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท (8M10 ยอด presales คิดเป็น 74% ของเป้าของ PS ในปี 2010F) สมมติฐานของเราที่ 3.6 หมื่นล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของบริษัทฯ (เราคาดว่ายอด presales ในช่วง 2H10F จะต่ำกว่าในช่วง 1H10 เนื่องจากมีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่น้อยกว่า PS เปิดตัวโครงการจำนวน 39 โครงการ มูลค่า 25 พันล้านบาท ในช่วง 1H10 และมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการอีก 29 โครงการในช่วง 2H10

ยอด presales โครงการคอนโดของ PS ค่อนข้างอ่อนตัวลงในเดือนก.ค.-ส.ค. ที่ 1.7 พันล้านบาท เราคาดว่ายอด presales คอนโดอย่างน้อย 1.7 พันล้านบาท จะเข้ามาในเดือนก.ย. เนื่องจากการเปิดตัวโครงการ The Seed Mingle ที่สาทร-สวนพลู โดยโครงการนี้มีมูลค่า 1.7 พันล้านบาท(มีทั้งหมด 531 ยูนิต) จนถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจซื้อกว่า 1,000 ราย ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์จองซื้อในงาน ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Siam Kempinski ในวันที่ 12 ก.ย. นี้ ยอด presales 6 พันล้านบาท ในเดือนก.ค. และส.ค. นั้นทำให้ backlog ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 2.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะรับรู้เป็นรายได้ได้จนถึงปี 2013

เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” PS โดยมีราคาเป้าหมายที่ 32 บาท/หุ้น PS ยังคงเป็น Top Pick ของเรา นอกเหนือไปจาก LPN เราชอบกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ในเชิงรุกของบริษัทฯ ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มฯ ที่ระดับอัตราการเติบโตของ EPS เฉลี่ยต่อปีในช่วง 3 ปีที่ 22%