จันทร์ 30 ก.ค.2555--eFinanceThai.com :
หุ้นไทยสัปดาห์นี้มีลุ้น 1200 จุด

วงการ คาด SET Index สัปดาห์นี้มีลุ้นทดสอบ 1200 จุด หลังในรอบกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดิ่ง 4% แต่ตลาดยังต้องรอลุ้นผลการประชุม เฟด และ ECB ในสัปดาห์นี้ จะมีมาตรการกระตุ้นศก.รอบใหม่หรือไม่ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังต้องจับตาการแถลงตัวเลขศก.ของธปท. ด้านกลยุทธ์การลงทุน ASP แนะเน้นหุ้นจ่ายปันระหว่างกาล , บล.โกลเบล็ก แนะหุ้นกลุ่มแบงก์ในลักษณะขึ้นขายลงซื้อส่วน CNS แนะหุ้นผลงานQ2/55แจ่ม
         ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา(27 ก.ค.55)รีบาวน์ในรอบสัปดาห์ นับจากวันที่ 17 ก.ค. SET Index ปิดที่ระดับ 1224.21 จุด จนดัชนีแตะระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 26 ก.ค. อยู่ที่ 1172.92 จุด ลดลง 51.29 จุดหรือคิดเป็นลดลง 4.18%
         ทั้งนี้ SET Index เปิดตลาด( 27 ก.ค. 55)ที่ระดับ 1188.94 จุด ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุด ที่ 1189.59 จุด รับอานิสงส์ข่าวดี นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ยืนยันในการสนับสนุนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรปต่อไป แต่ระหว่างวันมีแรงขายทำกำไรจนทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาแต่ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยแตะระดับต่ำสุดที่ 1173.89จุด ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 1178.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.09จุด หรือ 0.43% มูลค่าการซื้อขาย 26,660.27 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ กลับมามีสถานะซื้อสุทธิ 759.16 ล้านบาท หลังจากขายสุทธิมา7วันทำการแต่วันที่ 18 - 26 ก.ค. 2555 มีมูลค่ารวม 7736.1 ล้านบาท
***ASP มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีลุ้นแนวต้าน 1200 จุด เน้นลงทุนหุ้นจ่ายปันผลระหว่างกาล
         ด้านนายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์นักกลยุทธ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส(ASP) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีโอกาสได้ลุ้นแนวต้านที่ 1,200 จุด จากการเข้ามาเก็งกำไรของหุ้นในกลุ่มพลังงาน เนื่องจากมีราคาถูก หลังจากก่อนหน้านั้นราคาปรับลดลงค่อนข้างมาก แต่คงไม่ใช่การฟื้นตัวอย่างโดดเด่น เพราะแม้ปัจจัยต่างประเทศจะลดความร้อนแรงลง ส่วนในประเทศยังไม่มีแรงขับเคลื่อนใหม่ๆ ส่วนแนวรับอยู่บริเวณ 1,145 จุด
         โดยปัจจัยในประเทศส่วนใหญ่ ผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมา เช่น กลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร ส่วนใหญ่กำไรปรับตัวลดลง ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับขึ้นได้ยาก ส่วนกลุ่มที่ค่อนข้างมีน้ำหนักในตลาด อย่างกลุ่ม Domestic เช่น สื่อสาร โรงพยาบาล แม้ผลงานจะออกมาดีแต่ราคาค่อนข้างสูงเกินไป
         สำหรับปัจจัยต่างประเทศ เชื่อว่าภาพรวมน่าจะลดความร้อนแรงลงมา หลังนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี ให้คำมั่นว่า อีซีบีจะให้การสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไขต่อยูโรโซนที่กำลังมีปัญหาความยุ่งยากในหลายด้านขณะที่กรีซก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะชำระหนี้ได้หรือไม่ ซึ่งจะมาประเมินกันใหม่ก็อีกนานคือเดือนกันยายน
         ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน สัปดาห์นี้ เน้นลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลระหว่างกาล เพราะที่ผ่านมา พบว่า การซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลดีและรอขายใกล้ๆ วันขึ้นเครื่องหมาย XD ส่วนใหญ่มีโอกาสทำกำไรดีค่อนข้างดี ทั้งนี้ แนะนำ " ซื้อ " SNC - KCAR- DRT- RATH- INTUCH และ TTW
***บล.โกลเบล็ก แนะ ลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ ลักษณะลงซื้อ ขึ้นขาย
         ด้านนายธวัชชัย อัศวพรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะหลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะยังสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 1,170 จุดได้ จากแรงซื้อเก็งกำไรเล่นรอบของกลุ่มธนาคารที่นักลงทุนได้ประเมินจากผลประกอบการในไตรมาส 2/55 ที่ออกมาดี และคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/55 ที่คาดว่าจะยังคงดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันจากการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นในกลุ่มพลังงาน
         ดังนั้นจึงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ลักษณะลงซื้อ ขึ้นขาย ส่วนหุ้นขนาดเล็กแนะนำพิจารณาปัจจัยรายวันที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ส่วนแนวต้านประเมินอยู่ที่ 1,200 จุด
         ขณะที่บทวิจัยของบล.โกลเบล็กระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มธนาคารและการเงินมีโอกาสกลับตัวด้านเทคนิคระยะสั้น ส่วนพื้นฐานยังคงดีเหมือนเดิม แนะนำ ถือ หรือซื้อเก็งกำไรเล่นรอบ แนะนำ ซื้อ KBANK เป้าหมายราคา 191 บาท ขณะที่กลุ่มพลังงานเริ่มมีการซื้อคืนบางส่วนให้ถือ หรือซื้อเพิ่มเมื่อปรับลงแรง ทั้ง PTT- BANPUและ PTTEP
         อย่างไรก็ดีต้องติดตามปัจจัยได้แก่ วันที่ 30 ก.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทยจะรายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน มิถุนายน และวันที่ 1 ส.ค. จะมีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปปี 55 ส่วนปัจจัยต่างประเทศในวันที่ 31 ก.ค. จะมีการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ในวันที่ 2 ส.ค.นี้
***CNS มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ผันผวน แนะหุ้นผลงาน Q2/55 แจ่ม
         ขณะที่ นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าแนวโน้มในสัปดาห์นี้ ดัชนีน่าจะแกว่งตัวผันผวน โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งปัจจัยในประเทศ อาทิ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดฯยังให้ความสำคัญกับการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ที่จะมีขึ้นช่วงปลายสัปดาห์หน้า ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปใหม่ ๆ เพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ด้วย
         กลยุทธ์การลงทุน หากนักลงทุนไม่อยากลงทุนช่วงที่ดัชนีหวือหวา แนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาดี เช่น MCOT, TVO, RATCH, MAJOR, SAMTEL และกลุ่มธนาคารสามารถรอซื้อได้เมื่อดัชนีอ่อนตัว โดยประเมินแนวรับแรกที่ 1,164 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,157 จุด และประเมินแนวต้านที่ 1,190 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,195 จุด
***บล.ฟิลลิป แนะเก็งกำไรหุ้นรายตัว ที่ผลงาน Q2/55 ดีเป็นหลัก
         นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Down โดยให้ติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ เฟด และมาตรการขยายแผนเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยจะสามารถกำหนดทิศทางที่ชัดเจนได้ในช่วงปลายสัปดาห์นี้
         นอกจากนี้ เชื่อว่าหากการประชุมของทั้ง 2 ธนาคารกลางมีบทสรุป ออกมาในเชิงบวก จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกโดยเฉพาะ น้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้นและจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานของไทยปรับตัวขึ้นตาม
         โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเก็งกำไรในหุ้นรายตัว ที่ได้รับประโยชน์จากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2555 เป็นหลัก โดยประเมินแนวรับที่ 1,155 จุด และแนวต้านที่ 1,200 จุด