พุธ 1 ส.ค.2555--eFinanceThai.com :
ส.ค.นี้แบงก์-พลังงานไปต่อ

กูรู วิเคราะห์หุ้นไทยเดือน ส.ค. ระบุ กลุ่มแบงก์-พลังงานไปต่อ หลังรับรู้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/55 ที่ดีไปแล้วระดับหนึ่ง และคาดหวังผลงานดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/55 พร้อมคาดดัชนีฯ ทดสอบแนวต้าน 1,247 จุด
          เปิดกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยเดือนสิงหาคม กูรู มองหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานมีลุ้นไปต่อ หลังรับรู้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/55 ที่ดีระดับหนึ่งไปแล้ว บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้หุ้น Top Pick ได้แก่ AH-CPN-DEMCO-PTTGC-RML ด้าน บล.เคจีไอ ให้ PTTGC-INTUCH-TRUE-DELTA-SCBLIF-CENTEL-SCC-SCCC-PTT-AMATA-KTB ส่วน บล.บัวหลวง แนะนำ ขึ้นขาย แบงก์ พลังงาน ค้าปลีก ส่วนกลุ่ม Outperform คาดได้แก่ เช่าซื้อ ยานยนต์ สื่อสารฯ โรงแรม และกลุ่มที่เชื่อมโยงสาธารณูปโภค
* MBKET มองภาพการลงทุนเดือน ส.ค. แบบ "NEUTRAL"
          ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (MBKET) ออกบทวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยประจำเดือนสิงหาคม 2555 โดยมองบทสรุปการลงทุนเดือนสิงหาคม หลังการลงทุนในเดือน ก.ค. ว่า SET INDEX แกว่งตัวระหว่าง 1180 – 1230 จุด ปัจจัยสำคัญได้แก่ การเก็งกำไรงบ 2Q55 ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งหุ้นหลักของกลุ่มรายงานงบได้ใกล้เคียงกับที่คาด ขณะที่หุ้นธนาคารขนาดเล็กอย่าง KK / TCAP กลับออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ไม่ได้ช่วยในภาพรวมของการลงทุน กลับเกิดแรงขายทำกำไรเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงาน พร้อมกับการเก็งกำไรต่อโอกาสเกิด QE#3 จากการปราศรัยของประธานเฟดต่อ สภาคองเกรส ตามมาด้วยความกังวลต่อการให้เงินปรับโครงสร้างทุนแก่สถาบันการเงินของสเปน แม้ว่าอียูจะอนุมัติในกรอบกว้างวงเงิน 1.0 แสนล้านยูโร แต่ก็มาพร้อมกับเงื่อนไขการปฎิรูปการคลังเพิ่มเติม สร้างแรงกดดันในภาพรวม ปิด ณ วันที่ 25 ก.ค. SET INDEX อยู่ที่ 1188.62 จุด เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมิ.ย. เพียง 16.51 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นเดือนที่ 3 อีก 3,022 ล้านบาท
          สำหรับภาพการลงทุนในเดือน ส.ค. MBKET คงมุมมองที่ "NEUTRAL" เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยประเด็นลบจากกรณียุโรป / สเปน ตลาดได้ซึมซับความเสี่ยงดังกล่าวไปมากแล้วตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่พอจะมีประเด็นเก็งกำไรด้านบวกอยู่บ้างคือ 1) การประชุมเฟดวันที่ 31 ก.ค.และ 1 ส.ค. อาจเกิดแรงเก็งกำไรต่อการคาดหวังต่อ QE#3 ขณะที่ MBKET คาดว่าโอกาสเกิด QE#3 ในรอบนี้เป็นไปได้ยาก และ 2) การประชุม ECB ในวันที่ 2 ส.ค. อาจเห็นมาตรการชุดใหญ่ในการแก้ปัญหาต้นทุนทางการเงินในตลาดตราสารหนี้ที่พุ่งขึ้น และ 3)รัฐบาลจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหญ่ตามมา เพื่อกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ ขณะที่ปัจจัยหลักของการลงทุนในเดือนส.ค.อยู่ที่การเก็งกำไรงบ 2Q55 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนส.ค. และเริ่มขายทำกำไร เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลัง เพียงแต่ SET INDEX มี Downside Risk ที่จำกัด จากเงินปันผลงวด 1H55
* แนะติดตามสถานการณ์ยุโรป- เลือกหุ้นเด่น AH-CPN-DEMCO-PTTGC-RML
          MBKET ระบุถึงปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจรอบเดือน ส.ค.คือ พัฒนาการในฝั่งยุโรปที่นักลงทุนยังไม่สามารถละเลยได้ แม้ว่าตลาดจะซึมซับกับประเด็นนี้มาตลอดกว่า 10 เดือนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม การเดินหน้าปฏิรูปการคลังของประเทศหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน รวมถึงกรีซ รวมถึงความคืบหน้าของหารือระหว่างกลุ่ม Troika และรัฐบาลกรีซ และการให้เงินช่วยเหลือสถาบันการเงินสเปน ปัจจัยดังกล่าวจะสร้างความผันผวนให้แก่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทย
          โดยมองว่า SET INDEX เดือนส.ค. MBKET ขยับกรอบขึ้นอีกครั้ง เป็น (1150)1180 – 1230 (1240) จากเดือนก.ค. ที่ (1080) 1100 – 1200 (1220) พร้อมกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัวต่อเนื่อง เว้นเสียแต่ว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินจากเฟด หรือ ECB เพิ่มเติม รวมถึงไปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนอาจทำให้ SET INDEX ทะลุแนวดังกล่าวได้
          เมื่อภาพการลงทุนที่คาดว่า SET INDEX จะแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideways) กลยุทธ์การลงทุนจึงควรเป็นลักษณะ Bottom-Up ที่เน้นแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q55 และ/หรือ ผลตอบแทนจากเงินปันผลงวด 1H55 เป็นสำคัญ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นขนาดกลาง – เล็ก แทนหุ้นหลัก เพราะคาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่องจากเดือนก.ค. หากเฟดไม่ออกมาตรการ QE#3 และ/หรือ รัฐบาลจีนไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
          ดังนั้นหุ้น Top Pick เดือน ส.ค. MBKET เลือกจากกลยุทธ์ Bottom-Up เป็นหลัก ได้แก่ AH / CPN / DEMCO/ PTTGC / RML
* KGI คาดหวังดัชนีฯ ทดสอบแนวต้าน 1,247 จุด
          ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (KGI) ประเมินหุ้นไทยเชิงเส้นกราฟ โดยประเมินว่า หากดัชนี SET ยืนเหนือระดับ 1,165 จุด อาจคาดหวังแรงดีดขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่แนวต้าน 1,247 จุดหรือสูงกว่าได้ แต่หากดัชนี SET ลดลงต่ำกว่าระดับ 1,165 จุด อาจสะสมกำลังกดทางลงสู่กรอบแนวรับ 1,135-1,115 จุด โดยในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ หากราคาน้ำมัน Brent ยืนในระดับที่ต่ำกว่าแนวต้าน 106 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลนั้น จักทรงตัวอยู่ในกรอบ 106-97 เหรียญ หรืออาจเห็นราคาน้ำมันทรงตัวทางลงได้ จักส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานได้ แต่หากในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ ราคา Brent ดีดขึ้นยืนเหนือระดับ 106 เหรียญได้นั้น จักเข้าสู่นัยการทรงตัวทางขึ้นหรือดีดขึ้นต่อของราคา Brent ในกรอบ 106-116 เหรียญ จักส่งผลดีต่อจิตวิทยาราคาหุ้นพลังงานได้
          กลยุทธ์เดือนสิงหาคม 2555: ‘เลือกซื้อเก็งกำไรโดยมีจุดขายตัดขาดทุน หรือเลือกขายหุ้นทำกำไร
          ด้านปัจจัยและแนวโน้มดัชนี SET เดือนสิงหาคม 2555 ประเมิน 3 ปัจจัยในเดือนสิงหาคม 2555 ที่มีผลต่อดัชนี SET ดังข้างล่าง 1. การฟื้นตัวเชิงเส้นกราฟของดัชนีดาวโจนส์ แห่งอเมริกา 2. แนวโน้มราคากลุ่มพลังงานในเดือนสิงหาคม 2555 และ 3. ดัชนี SET สำคัญเชิงเส้นกราฟ
* มองหากดาวโจนส์ยืนเหนือ 12,790 จุด หุ้นจะปรับขึ้นทั่วโลก
          บล.เคจีไอ ประเมินดัชนีดาวโจนส์ในสิงหาคม 2555 ในเชิงเส้นกราฟสำคัญที่ค่าเฉลี่ยสี่เดือนที่ระดับ 12,790 จุด หากดาวโจนส์ยืนเหนือ 12,790 จุด จะปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดทุนทั่วโลก แต่หากดัชนีดาวโจนส์ต่ำกว่า 12,790 จุด จะลดลงต่อเนื่อง จะส่งผลลบต่อตลาดทุนทั่วโลก
          ด้านกลุ่มพลังงาน หากราคาน้ำมันยังยืนในระดับสูงกว่าไตรมาสสอง หลังการประกาศงบไตรมาสสอง 2555 ของหุ้นพลังงานแล้ว คาดหวังที่จะได้เห็นราคาหุ้นพลังงานดีดขึ้นเพื่อรับรู้ไตรมาสสามที่จะฟื้นตัว จะเป็นตัวผลักดัชนี SET ทางขึ้นได้ แต่หากราคาน้ำมันลดลง ก็จักไม่เกิดภาพหุ้นพลังงานดีดขึ้น
          อย่างไรก็ตาม เชิงเส้นกราฟนั้น หากดัชนี SET ยืนเหนือระดับ 1,165 จุด อาจคาดหวังแรงดีดขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่แนวต้าน 1,247 จุดหรือสูงกว่าได้ แต่หากดัชนี SET ลดลงต่ำกว่าระดับ 1,165 จุด อาจสะสมกำลังกดทางลงสู่กรอบแนวรับ 1,135-1,115 จุด
* เลือกหุ้นอิงปัจจัยเทคนิค-คาดแบงก์-พลังงาน มีแรงผลักดันไปต่อ
          บล.เคจีไอ ให้กลยุทธ์การลงทุนในเดือนสิงหาคม 2555 เรายังอิงปัจจัยด้านเทคนิคสองปัจจัย คือ 1. ปัจจัยเทคนิค เชิงเส้นกราฟ 2. ปัจจัยเทคนิค เชิงราคาหุ้นต่อการรับรู้ผลกำไรไตรมาสสอง โดยปัจจัยเทคนิคเส้นกราฟ เราให้ความสำคัญดัชนี SET ที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เส้นสี่เดือนที่ระดับแนวรับ 1,165 จุด เราให้ถือระดับ 1,165 จุดเป็นจุดขายสั้น หรือให้ตัดขาดทุนสั้นว่า หากเมื่อดัชนี SET ลดลงต่ำกว่าแนวรับรายเดือนสำคัญที่แนวรับ 1,165 จุด แนะนำให้ขายระยะสั้น หรือขายจำกัดผลขาดทุน ความหมายคือ หากในเดือนสิงหาคม 2555 ดัชนี SET ยืนเหนือระดับ 1,165 จุดได้นั้น จักยังคงอยู่ภายใต้กำลังผลักทางขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,247 จุด
          ปัจจัยเทคนิคว่าด้วยราคารับรู้ผลกำไรไตรมาสสอง เราประเมินกลุ่มใหญ่เช่น ธนาคารนั้น ได้รับรู้ผลกำไรที่ออกมาดีในไตรมาสสองระดับหนึ่ง แต่ยังคาดหวังแรงผลักทางขึ้นในกลุ่มธนาคารได้ แต่กลุ่มใหญ่อย่างพลังงานนั้นราคาได้รับรู้ผลกำไรไตรมาสสองที่แย่ไปในระดับมากแล้ว และเรามองว่าราคาหุ้นพลังงานยังไม่รับรู้แนวโน้มไตรมาสสาม 2555 ที่อาจฟื้นตัวขึ้นของผลกำไรได้ เช่นนี้ เราอาจคาดหวังแรงซื้อหุ้นพลังงานอาจมีอย่างมีนัยสำคัญในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ เมื่อมองว่าหุ้นธนาคารและพลังงานควรมีแรงซื้อเข้ามาได้ต่อเนื่องในสิงหาคม 2555 นี้ เช่นนี้ การที่ดัชนี SET จักลดลงอย่างมีนัยนั้นคงไม่มาก แนวโน้มในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ ควรเห็นดัชนี SET ทรงตัวทางขึ้น หรือดีดขึ้นได้
          อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม 2555 นี้ เราถือว่ามีความเสี่ยงว่าด้วยปัจจัยราคาที่สูง เช่นนี้ เราจึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนดังข้างล่าง
          กลยุทธ์เดือนสิงหาคม 2555 : แนะนำเลือกตัวซื้อเพื่อเก็งกำไรส่วนต่างของราคา โดยให้ต้องกำหนดจุดขายตัดขาดทุนไว้ด้วย
* หุ้นที่แนะนำ เหตุผล
          PTTGC, TOP, INTUCH, TRUE, DELTA, SCBLIF, CENTEL, SCC, SCCC, PTT, AMATA, KTB *ปัจจัยเทคนิค
* BLS คาดดัชนีฯ ดีดไม่เกิน 1,180/1,190 จุดก่อนซิกแซกลงปลายเดือนสู่ 1,150 จุด
          ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง (BLS) ประเมินหุ้นไทยรายเดือนสิงหาคมว่า คาดว่าดัชนีฯ ลงสลับรีบาวน์ในช่วงต้นเดือน โดยอาจรีบาวน์จากบริเวณ 1,170 จุด แต่การดีดตัวคาดไปได้ไม่เกิน 1,180/1,190 จุด ก่อนจะซิ๊กแซกลงในช่วงที่เหลือของเดือน ส.ค.โดยมีเป้าหมายที่บริเวณ 1,150 จุด เป็นแนวรับแรก กลุ่มฯ Underperform แนะนำ ขึ้นขาย แบงก์ พลังงาน ค้าปลีก ส่วนกลุ่ม Outperform คาดได้แก่ เช่าซื้อ ยานยนต์ สื่อสารฯ โรงแรม และกลุ่มที่เชื่อมโยงสาธารณูปโภค