พุธ 11 ม.ค.2555--eFinanceThai.com :
AMATAรับเละ

AMATA ส้มหล่น รับอานิสงส์น้ำท่วม หลังนักลงทุนกลุ่มญี่ปุ่น โยกลงทุนเลี่ยงทางน้ำ มายังนิคมฯด้านตะวันออก ด้าน บิ๊กบอส วิบูลย์ มั่นใจรายได้ปีนี้ ทะลุ 5 พันลบ.แน่ แถมจ่อขึ้นราคาขายที่ดินปีนี้คาดไม่ต่ำกว่า 10% เหตุต้นทุนพุ่ง ส่วนโบรกฯเชียร์ เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่ม ให้ราคาเป้าหมาย 16 -17 บาท
       จากมหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงสุดเมื่อปลายปี 2554 ส่งผลให้ นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ปทุมธานี ถึง 7 แห่ง ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมหนักประกอบด้วย 1.นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา 2.นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 3.นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 4.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 5.นิคมอุตสาหกรรมแฟคตอรี่แลนด์ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 6.นิคมอุตสาหกรรมนวนคร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และ7.นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี
       ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมฝั่งตะวันออก รอดพ้นจากวิกฤตดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันมองความสำคัญของพื้นที่ใหม่ ทั้งนี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ระบุว่าจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นิคมในภาคตะวันออกของประเทศได้รับความสนใจเพิ่มจากนักลงทุน ส่งผลให้ราคาที่ดินจึงสูงขึ้นกว่าภาคอื่นๆ โดยมีราคาเฉลี่ยไร่ละ 2-3 ล้านบาท และล่าสุด นักลงทุนญี่ปุ่น 8 ราย เซ็นซื้อที่ดินสวนอุตสาหกรรม 304 เป็นที่ตั้งโรงงาน รวมพื้นที่ 285 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในอุตสาหกรรมโลหะและเครื่องจักรกล ชิ้นส่วนยานยนต์
       ด้านวงการมองบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA และ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด(มหาชน) หรือ HEMRAJ จะได้รับประโยชน์มากกว่า บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA
       ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เมื่อวานนี้ (11 ม.ค. 55) ราคาหุ้น AMATA ปิดในแดนบวกสวนทิศทางตลาดโดย ปิดตลาดที่ระดับ 14.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.10บาทหรือ0.71 % มูลค่าการซื้อขาย 49.08 ล้านบาท ส่วน HEMRAJ ปิดที่ 2.36บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 42.27ล้านบาทขณะที่ ROJNA ปิดที่ 5.90 บาท ลดลง 0.15บาทหรือ 2.48% มูลค่าการซื้อขาย20.42 ล้านบาท
       ขณะที่ SET Index ปิดที่ระดับ 1051.63 จุด ลดลง 1.41 จุด หรือ 0.13% มูลค่าการซื้อขาย 25,016.94ล้านบาท
*** AMATA มั่นใจ รายได้ปี55ทะลุ 5 พันลบ.แน่นอน หลังเชื่อยอดขายที่ดินปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 พันไร่ ***
       ด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้ (2555) จะไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 2 พันไร่หลังจากที่ผ่านมาได้มีลูกค้ารายใหม่ได้เริ่มทยอยเข้ามาซื้อที่ดินของบริษัทฯ เพื่อเป็นฐานการผลิตมากขึ้นประกอบกับการขยายฐานการผลิตของลูกค้าเก่ายังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นด้วย
       'ปีนี้รายได้คงจะเกิน 5 พันล้านบาทแน่นอน เพราะยอดขายที่ดินสูงขึ้นจากยอดขายที่ดินปีนี้ที่ทำได้ตามเป้า 1.5 พันไร่' นายวิบูลย์ กล่าว
       นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทฯเตรียมจะปรับราคาขายที่ดินเพิ่ม ในเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า10%เนื่องจากบริษัทฯมีต้นทุนการดำเนินงานสูง ขึ้นจากความต้องการที่ดินที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นราคาซื้อขายที่ดินจึงปรับเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีต้นทุนจากการที่กระทรวงการคลังได้ปรับเพิ่มราคา ประเมินที่ดินในปีนี้ซึ่งจะทำให้บริษัทฯต้องเสียภาษีจากการซื้อขายเพิ่มขึ้น จากปกติแล้วค่าใช้จ่ายทางภาษีโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 5.3% ของการขายที่ดินได้ในแต่ละครั้ง แต่การซื้อขายที่ดินโดยปกติแล้วจะสูงกว่าราคาประเมินที่ดินดังนั้นจึงไม่ได้ รับผลกระทบมากนัก ทั้งนี้ การพิจารณาปรับเพิ่มราคาขายที่ดินต้องขึ้นอยู่กับมติคณะกรรมบริษัทฯเป็นสำคัญเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในการดำเนินธุรกิจซื้อขายที่ดิน
       อย่างไรก็ตาม ภาพรวมราคาซื้อขายที่ดินในปัจจุบันของไทยยังถือว่าถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ดังนั้นจึงทำให้ที่ดินของไทยจึงยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติอยู่มากพอสมควรเพราะระบบสาธารณูปโภคของไทย ยังมีความเเข็งแกร่งอยู่มากเมื่อเทียบกับประเทศในแถบเพื่อนบ้านและประเทศคู่ แข่งทางธุรกิจที่ดิน 'บริษัทฯไม่ได้ซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่อดีตทำให้การที่บริษัทฯต้องไปหาซื้อที่ดินมาขายต่อราคาจึงสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมองว่าหากขึ้นประมาณ10%ก็ยังถือว่าถูก เพราะหากนักลงทุนซื้อที่ดินเราไปเป็นฐานทำธุรกิจแล้วเราก็ต้องดูแลไปตลอดชีวิตซึ่งระบบ สาธารณูปโภคของไทยถือว่ามีความพร้อมสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอย่าง เวียดนาม'นายวิบูลย์ กล่าว
*** บล.เคที ซีมิโก้ เชียร์ AMATA รับอานิสงส์ กลุ่มญี่ปุ่น โยกลงทุนเลี่ยงทางน้ำ ให้ราคาเป้าหมาย 16.03บาท***
       บล.เคที ซีมิโก้ ประเมินว่า นิคมอุตสาหกรรมตะวันออกมาแรง กลุ่มญี่ปุ่นโยกลงทุนเลี่ยงทางน้ำ นักลงทุนญี่ปุ่น 8 ราย เซ็นซื้อที่ดินสวนอุตสาหกรรม 304 จ.ปราจีนบุรี มูลค่า 5 พันล้านบาท (โลหะและเครื่องจักรกล ชิ้นส่วนยานยนต์)
       คาดพื้นที่ตะวันออกกำลังรุ่ง กลุ่มทุนเลี่ยงทางน้ำ โยกการลงทุนเข้านิคมฯ แถบตะวันออก ทั้งนี้ น่าจะเป็นผลบวกต่อ AMATA (ราคาเป้าหมายตาม Consensus ที่ 16.03 บาท) พัฒนาพื้นที่นิคมฯ ในชลบุรี และ HEMRAJ (ราคาเป้าหมายตาม Consensus ที่ 2.40 บาท) พัฒนาพื้นที่นิคมฯ ในชลบุรีและระยอง โดยชอบ AMATA มากกว่า
*** บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำหุ้น AMATA-HEMRAJ เป็นหุ้นเด่น***
       ฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเมินว่านิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในเขตน้ำไม่ท่วมในปลายปี 54 ที่ผ่านมา ในประเด็นการส่งสัญญาณของนักลงทุนญี่ปุ่นที่จะมาลงทุนในไทยว่าได้เลือกซื้อนิคมฯในเขตที่น้ำไม่ท่วม ทั้งนี้ผู้ประกอบการทั้งสองรายคือ AMATA-HEMRAJได้ตั้งเป้าหมายการขายพื้นที่นิคมปีนี้ในเชิงรุกมากขึ้น เช่น AMATA ตั้งเป้าขายปีนี้สูงเป็น 2,000 ไร่ เทียบกับปี 54 ที่ 1,555 ไร่ คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 29% เพราะมีการคาดว่าจะมีการย้ายฐานจากโรงงานผลิตในนิคม7แห่งที่ถูกน้ำท่วมที่จังหวัดปทุมธานีและอยุธยา รวมทั้งผู้ประกอบการที่ต้องการจะกระจายความเสี่ยงก็จะหันมาซื้อนิคมฯกับ AMATA แทน
       คำแนะนำ ซื้อ Top Pick ในหมวดนิคมอุตสาหกรรมคือ AMATA (ราคาพื้นฐาน 16 บาท) และ HEMRAJ (ราคาพื้นฐาน 2.72 บาท) เนื่องจากแนวโน้มอัตราการเติบโตกำไรสุทธิปี 55 นี้ ก้าวกระโดดเป็น 92% และ 270% เทียบกับ y-o-y ตามลำดับ ส่วน ROJNA อยู่ในช่วงการปรับตัวหลังเกิดเหตุน้ำท่วมนิคมฯ แต่คาดว่าปัจจัยลบในอนาคตคือ การสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมจะมีต้นทุนเพิ่ม 2 พันล้านบาท จึงต้องคิดค่าส่วนกลางกับลูกค้าเดิมมากขึ้นประมาณ 4 พันบาทต่อไร่ต่อเดือน (หากเงินกู้จากธนาคารออมสิน อายุเพียง 7 ปี) จากปกติที่ลูกค้าจ่ายเพียงหลักร้อยบาทต่อไร่ต่อเดือน อาจทำให้มีการย้ายโรงงานออกจากนิคมฯ รวมทั้งลูกค้าใหม่ก็ต้องซื้อนิคมฯในราคาที่สูงขึ้น เช่นจากเดิม 2.7-3.0 ล้านบาทต่อไร รวมค่าเขื่อนจะเพิ่มเป็น 3.4 ล้านบาทต่อไร่ การขายก็จะยากขึ้น จึงแนะนำ เต็มมูลค่า ราคาพื้นฐาน 5.34 บาท
***KGI ระบุ AMATA และ HEMRAJ เชื่อได้รับประโยชน์จากความต้องการลงทุนในที่ดินที่มีความเสี่ยงจากน้ำท่วมต่ำ***
       ด้านฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ ระบุว่าคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่าปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นิคมในภาคตะวันออกของประเทศได้รับความสนใจเพิ่มจากนักลงทุน ราคาที่ดินจึงสูงขึ้นกว่าภาคอื่นๆ โดยมีราคาเฉลี่ยไร่ละ 2-3 ล้านบาท ซึ่งมองว่าเป็นข่าวดีกลับผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกของประเทศรวมถึง AMATA และ HEMRAJ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากความต้องการลงทุนในที่ดินที่มีความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคตค่อนข้างต่ำ
       นอกจากนี้ยอดขายที่ดินของ AMATA ในปี 2011 ที่น่าจะอยู่ที่ 1,555 ไร่ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 1,500 ไร่ และสมมุติฐานที่ 1,300 ไร่ ในขณะที่ยอดขายที่ดินของ HEMRAJ น่าจะสามารถเป็นไปตามเป้าของบริษัทได้ที่ 1,700 ไร่ ในขณะที่สูงกว่าประมาณการปัจจุบันของเราที่ 1,500 ไร่ ทำให้จะมีการปรับประมาณการผลการดำเนินงานในปี 2012 และ ราคาเป้าหมายขึ้น เพื่อสะท้อนยอดขายที่ดินที่น่าประทับใจดังกล่าว ทั้งนี้ปัจจุบันให้น้ำหนักการลงทุน Outperform สำหรับทั้งสองบริษัท
***บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เชียร์ ซื้อ AMATA ให้ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 17 บาท***
       ฝายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า AMATA ทำยอดขายที่ดินปี 2554 ได้ดีกว่าคาดเท่ากับ 1,555 ไร่เติบโต 21% yoyและตั้งเป้ายอดขายเติบโตต่อเนื่องในปี 2555 ที่ 28% หรือประมาณ 2,000 ไร่ จากยอดขายที่ดีขึ้นและการร่วมทุนกับ Holley ทำให้ปรับประมาณการรายได้ของปี 2555 เพิ่มขึ้น 21% โดยคาดว่ารายได้และกำไรสุทธิของปี 2555 จะเติบโต 61% yoy และ 49% yoy ตามลำดับ จึงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อ AMATA จากการเติบโตต่อเนื่องในปี 2555 – 2556 บนฐานของวิธี Forward PER ที่ 19 เท่า ได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 17.00 บาท/หุ้นเพิ่มจากเดิมที่ 13.00 บาท/หุ้นและคงคำแนะนำ 'ซื้อ'