พฤหัสฯ 26 ก.ค.2555--eFinanceThai.com :
ลีสซิ่งแจ๋วรับปีทองยานยนต์
 
* ชู TK-KCAR-IFS เป็นหุ้นเด่น
          วงการหุ้น ออกโรงการันตี ลีสซิ่งสุดบรรเจิด ผลงาน Q2/55 เยี่ยม หลังรับอานิสงส์อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว-ออเดอร์ทะลัก ส่วนหุ้นเด่นเลือก TK - KCAR ขณะที่ม้ามืด IFS เหมาะลงทุน เพราะราคาถูกแถมมี Book สูงถึง 4.8 บ. ฟากลีสซิ่งกสิกรฯ คาดกำไรพุ่ง -ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อทั้งปีนี้ 8 หมื่นลบ.ด้าน THANI ชูนโยบายตลาดเชิงรุก ปล่อยกู้รถบรรทุก-แท็กซี่หัวเมืองใหญ่
***ASP คาดกำไร Q2/55 ของ TK-KCAR เด่นที่สุดในกลุ่มเช่าซื้อ
          บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่าผู้ประกอบการกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ (ASK, KCAR) และจักรยานยนต์ (TK, GL) ในกลุ่ม non bank ทั้ง 4 บริษัทที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ได้แก่ TK, GL, ASK และ KCAR ล้วนได้รับอานิสงส์บวกจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในประเทศในงวดไตรมาส 2/2555 ที่เดินหน้าขึ้นทำ peak ต่อเนื่องในรายเดือนสิ้นสุดถึงเดือน มิ.ย. 2555 โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศรวมในช่วงไตรมาส 2/2555 เท่ากับ 3.27 แสนคัน เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 18% qoq และ 69.2% yoy โดยยอดขายสะสมในช่วง 1H55 เท่ากับ 6.04 แสนคัน เติบโตถึง 39.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและคิดเป็น 50% ของคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปี 2555 ที่ประเมินไว้ที่ 1.2 ล้านคัน (ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรายปี)
          ขณะที่ยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศรวมในงวดไตรมาส 2/2555 เท่ากับ 5.86 แสนคัน เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 12.8% qoq และ 4.7% yoy โดยยอดขายสะสมในช่วง 1H55 เท่ากับ 1.10 ล้านคัน เติบโต 2.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 50% ของคาดการณ์ยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศทั้งปี 2555 ที่ประเมินไว้ที่ 2.2 ล้านคัน (ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรายปีเช่นกัน) โดยแนวโน้มยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศในช่วงที่เหลือของปี 2555 คาดว่ายังเป็นไปในทิศทางที่สดใสต่อเนื่อง โดยในส่วนของยอดขายรถยนต์ยังมีแรงหนุนจากความต้องการที่คงค้างมาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมซึ่งผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ต่างๆ ยังไม่สามารถส่งมอบได้ทัน (Pend-up demand) และการทยอยเปิดตัวรถยนต์ Eco car ของค่ายรถยนต์ต่างๆ (Chevrolet ในช่วง 2H55 และ Toyota ในปี 2556)
          นอกจากนี้แนวโน้มยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วง 2H55 แม้จะเข้าสู่ช่วง low season ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นฤดูฝน แต่แรงหนุนจากการที่ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ค่ายต่างๆ มีการผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากเป็นประวัติการณ์ในปี 2555 อาทิ ฮอนด้ามีการออกรถรุ่นใหม่ถึง 13 รุ่น (ออกมาแล้ว 7 รุ่น) และยามาฮ่า จำนวน 7 รุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค บวกกับการทำโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขายของ dealer ต่างๆ ที่เป็นไปค่อนข้างรุนแรง ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี
          ส่วนผลสรุปแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2555 ของบริษัทกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ในงวดดังกล่าวที่ฝ่ายวิจัยได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า TK และ ASK จะแสดงการเติบโตของกำไรในไตรมาส 2/2555 ที่โดดเด่นสุดถึง 26.3% qoq และ 20.5% qoq ตามลำดับ ตามด้วย GL เติบโต 7.9% qoq และ KCAR เติบโต 6.6% qoq ด้วยปัจจัยหนุนจากการเติบโตของสินเชื่อสุทธิที่โดดเด่นในงวดนี้ ยกเว้น KCAR ซึ่งแม้จะประกอบธุรกิจให้เช่ารถยนต์ประเภท Operating lease แต่ก็ได้รับผลบวกจากธุรกิจการขยายรถยนต์มือสองผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บ.กรุงไทย ออโตโมบิลฯ (KCAR ถือหุ้น 95%) ภายใต้แบรนด์โตโยต้า ชัวร์ ซึ่งมีการเติบโตของธุรกิจอย่างโดดเด่น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่ให้ margin สูงเมื่อเทียบกับธุรกิจให้เช่ารถยนต์ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเลือก TK และ KCAR เป็นหุ้น Top picks ของกลุ่มฯ ซึ่งนอกเหนือจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2555-2556 ที่เป็นไปในเชิงรุก ยังมีจุดเด่นในเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นที่สูงกว่าในเชิงเปรียบเทียบกับ ASK และ GL อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 บริษัทล้วนเป็นหุ้นที่มีจุดแข็งในด้านผลตอบแทนจาก Div yields เฉลี่ยปี 2555-2556 ที่โดดเด่น จึงแนะนำซื้อ โดย TK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 17.64 บาทต่อหุ้น และ KCAR ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 21.60 บาทต่อหุ้น ASK ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 13.35 บาทต่อหุ้น และ GL ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 40 บาทต่อหุ้น
***CGS ระบุกลุ่มลีสซิ่งรับอานิสงส์เต็มๆ หลังอุตฯ ยานยนต์ขยายตัวเต็มสูบ
          นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ากลุ่มลีสซิ่ง โดยประเด็นก็คือเรื่องของการขยายตัวเต็มที่ของกลุ่มยานยนต์ที่ตอนนี้ผลิตกันไม่ทันใช้ ยอดจองรถทะลุไปปีหน้าและที่สำคัญกลุ่มผู้ให้สินเชื่อต้องจับตาอย่างมาก เพราะเป็นผู้ให้กู้โดยตรง อีกทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. คงดอกเบี้ยไว้ต่ำก็เท่ากับว่าต้นทุนของกลุ่มนี้ถูกลงไป ขณะที่เวลาปล่อยกู้รถก็บวกดอกเบี้ยเข้าไป นั่นหมายความว่ากำไรเต็มๆ ส่วนกำไร 4 ไตรมาสย้อนหลังของกลุ่มนี้มาคำนวณดูเพื่อหาค่า PBV และ PE จากนั้นนำสองค่านี้มาเฉลี่ยกันก็พบว่าหุ้นของ บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IFS มีตัวเลขต่ำสุดในกลุ่มแสดงว่าราคาถูก และมี Book สูงถึง 4.8 บาท ขณะเดียวกัน IFS นั้นให้สินเชื่อสากกะเบือยันเรือรบ จึงจัดว่าน่าสนใจในขณะที่หุ้นกลุ่มนี้กำลังร้อนต้องหาของนอกสายตาที่ราคาถูกมาลุยกัน นอกจากนี้หากดูกราฟจะเห็นการสร้างกระทะหงายราคาหุ้นเคยไปเฉียด 2 บาท แถวนี้จึงถูกทั้งในเชิงพื้นฐานและประเด็นเทียบเคียงกับเพื่อน
***TKT มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร
          นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่ามั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯ จะพลิกมีกำไรแน่นอนจากปีก่อนที่ขาดทุน และจะมีกำไรดีกว่าปีที่ผ่านๆ มาด้วย โดยปีนี้แค่ไตรมาสแรกบริษัทฯ ก็ทำกำไรได้ถึง 27.93 ล้านบาท ยังไม่รวมไตรมาสถัดไป ส่วนสาเหตุที่บริษัทฯ จะมีกำไรมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการลดต้นทุน ซึ่งเริ่มทำมาตั้งแต่ปลายปี 2554 ในช่วงที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วม บริษัทฯ ได้ระดมคนงานไปปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นเข้ามาดูแลเรื่องดังกล่าว 2.รายได้รวมปีนี้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ในขณะที่ต้นทุนยังคงที่ ทำให้กำไรของบริษัทฯ จะดีขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เติบโต 35% จากปีก่อน ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำรายได้เป็นที่น่าพอใจ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไตรมาส 2/2555 ทำรายได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกและคาดว่าในครึ่งปีหลังก็จะดีต่อเนื่องทำให้ยอดขายทั้งปีเป็นไปตามเป้า สำหรับไตรมาส 1/2555 บริษัทฯ มีรายได้ 447.62 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.93 ล้านบาท ส่วนปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 14.85 ล้านบาท และมีรายได้ 1,282.45 ล้านบาท
***ลีสซิ่งกสิกรฯ คาดกำไร Q2/55 พุ่ง รับผลบวกปีทองอุตฯ ยานยนต์
          นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2555 จะเติบโตสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไร 102 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนอีกด้วย เนื่องจากผลการดำเนินงานในด้านต่างๆในไตรมาส 2/2555 นี้ถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ทั้งสิ้น โดยจะสะท้อนภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกให้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ครึ่งปีเช่นกัน ซึ่งผลการที่เติบโตดังกล่าว ถือเป็นไปตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตเป็นประวัติการณ์ทั้งยอดผลิตและยอดจำหน่ายรถยนต์
          'เราจะแถลงข่าวผลประกอบการวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่ง Q2 โตดีกว่า Q1 ทั้งสินเชื่อ ทั้งกำไร เพราะ 6 เดือนเราเกินเป้าหมด เป็นไปตามตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกที่โตทำให้สินเชื่อโตตามไปหมด ปีนี้จึงถือเป็นปีทองของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์ยอดผลิตรถยนต์ในปีนี้เป็น 2.2 ล้านคัน ยอดจำหน่ายก็เพิ่มขึ้นจากเดิมมอง 1.1 ล้านคัน เป็น 1.2 ล้านคัน ซึ่งโตมากกว่าปีก่อน 40% ดังนั้นตลาดสินเชื่อรถยนต์ก็โตในทิศทางเดียวกัน' นายอิสระ กล่าว
          ทั้งนี้ คาดว่าการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของบริษัทในปีนี้จะสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 5.9 หมื่นล้านบาท เนื่องจากพบว่าในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยที่สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อรถยนต์จำนวนมาก ได้แก่ การประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท. ที่เชื่อว่าจะทรงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้ต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินที่ให้บริหารสินเชื่อเช่านี้ไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อจึงน่าจะยังคงที่ ทำให้ถือว่าตลาดดอกเบี้ยเอื้อต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์ได้ ขณะเดียวกัน ประเด็นที่ครม.จะมีการพิจารณาแก้ไขระเบียบโครงการรถยนต์คันแรกให้ผู้ซื้อสามารถเลื่อนระยะเวลาการรับรถยนต์ออกไปได้จนถึงกลางปีหน้า จากเดิมกำหนดให้ผู้ซื้อต้องซื้อและรับรถยนต์ภายในสิ้นปีนี้นั้น ถือเป็นปัจจัยสนุนสนุนอีกประการหนึ่ง โดยเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถให้เร็วขึ้นภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ทันต่อการรับสิทธิคืนภาษี จากเดิมที่ประชาชนอาจชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะไม่แน่ใจเงื่อนไขของระยะเวลาในการรับรถยนต์ว่าจะทันรับสิทธิ์ในช่วงเวลาเดิมหรือไม่ล
          นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจเอื้อต่อโตของสินเชื่ออย่างมาก จากการเพิ่มรายได้ของประชาชน ทำให้ความสามารถซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงทั้งการเมืองภายในประเทศ ภัยธรรมชาติ และเศรษฐกิจยุโรป ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวลมากนัก ดังนั้นทำให้อุตสาหกรรมและที่เกี่ยวเนื่องได้รับประโยชน์ทั่วกัน อย่างไรก็ดี บริษัทฯยืนยันว่าไม่ได้มีการเร่งปล่อยสินเชื่อแต่อย่างใด แต่ขณะเดียวกันมีการคุมการเติบโตในระดับหนึ่ง เนื่องจากต้องบริหารจัดการทั้งด้านการดูแลบริการลูกค้าในพอร์ต และบริหารเรื่องเงินทุนในการปล่อยกู้ให้สัมพันธ์กับผลตอบแทนและความคุ้มค่า ตามนโยบายของธนาคารกสิกรไทย ที่ต้องการกระจายเงินทุนไปยังสินเชื่อประเภทต่างๆด้วย
***ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ไม่ห่วงสินเชื่อขยายตัวสูงขึ้นมาก
          นายอิสระ วงศ์รุ่ง ประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เปิดเผยว่ากรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อว่ามีการเร่งตัวขึ้นมากทำให้อยู่ระหว่างการติดตามอย่างใกล้ชิดนั้น มองว่า การขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัวสูงขึ้นมากจริง แต่เป็นการโตตามธรรมชาติของอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนี้ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกสนับสนุนจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่น่ากังวล
          'แบงก์ชาติมีสิทธิ์ที่จะมองว่าโตเร็ว แต่ก็เป็นการโตตามตลาดรถยนต์ ซึ่งไม่น่ากังวล ไม่น่าตกใจ เพราะดูเหตุแล้วเป็นการโตตามตลาดปกติ' นายอิสระ กล่าว
          นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) หรือ THANI เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2555 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เพราะสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตได้ค่อนข้างดีจากไตรมาสแรกที่สินเชื่อเติบโตแล้ว 30% ทำให้มั่นใจว่าสินเชื่อเช่าซื้อปล่อยใหม่ในช่วงที่เหลือของปีจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 30-35% ซึ่งจะผลักดันให้พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปี2554 ที่อยู่ 7 พันล้านบาท
          นอกจากนี้บริษัทฯ ยังหันมาเน้นการเติบโตของธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถบรรทุก เพราะมีอัตราการเติบโตที่สูงประมาณกว่า40-50% ต่อปี อีกทั้งเป็นธุรกิจที่ให้อัตราการผลตอบแทน (ยิลด์) สูงเฉลี่ยประมาณ 10% โดยเฉพาะสินเชื่อรถบรรทุกเก่าซึ่งให้ยิลด์สูงถึง 14-15% ขณะที่สินเชื่อรถบรรทุกใหม่ให้ยิลด์ประมาณ 7-8% สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2555 บริษัทฯ จะเน้นทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น และเน้นการเติบโตของสินเชื่อรถเพื่อการพาณิชย์ เช่น สินเชื่อรถบรรทุก ที่ปัจจุบันเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเล็งเห็นความสำคัญในการเติบโตของสินเชื่อรถแท็กซี่ด้วยเนื่องจากมองว่าการเติบโตของตลาดรถแท็กซี่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯ จะเน้นทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถแท็กซี่ตามหัวเมืองใหม่ๆ เช่น พัทยา เป็นต้น ส่วนการเติบโตในเขตกรุงเทพฯ ก็มีอัตราที่สูงขึ้นเช่นกันตามอานิสงส์ของโครงการรถไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40-50 สถานี โดยธนาคารตั้งเป้าปล่อยรถดังกล่าวเดือนละ 40-50 คัน ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าควบคุมให้อยู่ระดับไม่เกิน3% ใกล้เคียงปี 2554 โดยช่วงน้ำท่วมยอมรับว่ามีลูกค้าได้รับผลกระทบบ้าง ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคลและรถปิกอัพคิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท ได้มีการผ่อนผันการชำระหนี้ 3 เดือน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าบางส่วนกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติแล้ว? สำหรับส่วนต่างดอกเบี้ย (สเปรด) นั้นคาดว่าทรงตัวที่ 3.7-3.9% แต่อัตราผลตอบแทนอาจจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากมีการแข่งขันที่ยังสูง โดยบริษัทเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง จากที่มีอยู่ 5 สาขา