จันทร์ 30 เม.ย.2555--eFinanceThai.com :
ถอยดีกว่า ** ฟันธงหุ้น พ.ค. ผันผวนทั้งเดือน

วงการ คาดหุ้นไทยเดือนพ.ค. ผันผวน สั่งจับตา เม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่อหรือไม่ หลัง 4 เดือนที่ผ่านมายังซื้อสุทธิ 8.39 หมื่นลบ. ผนวกปัญหาหนี้ยุโรปยังเป็นแรงกดดันสำคัญ ด้าน KGI แนะขายต่อเนื่อง ส่วน FSS แนะ เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี เมื่อดัชนีปรับฐาน ขณะที่ CNS แนะเล่นหุ้นรายตัว อาทิ BBL INTUCH และGRAMMY ให้แนวรับ 1,200 จุด และแนวรับถัดไป 1160-1130 จุดและให้แนวต้าน1240 และ 1,250 จุด
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ( 30 เมษายน 2555) ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเกินคาดการณ์ของคนในวงการ โดยเปิดตลาดที่ระดับ 1218.10 จุด เพิ่มขึ้นจากปิดตลาดวันศุกร์ที่ 27 เมษายน ที่ระดับ 1211.78 จุด ทั้งนี้ดัชนีทะยานแตะระดับสูงสุดที่ระดับ 1228.48 จุด และปิดตลาดที่ระดับ สูงสุดที่ 1228.49 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี เพิ่มขึ้น 16.71 จุดหรือ 1.38% มูลค่าการซื้อขาย 28,284.99 ล้านบาท    โดยนักลงทุนต่างชาติ มีสถานะซื้อสุทธิ 1,180.92 ลบ. ส่งผลให้เดือน เม.ย. นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 1,181.99 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 2555 ถึงสิ้นเดือน เมษายน นักลงทุนต่างชาติยัง ซื้อสุทธิ 83,952.10 ล้านบาท
       ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัสระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อวันที่ 30 เมษายน ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศและนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นภายหลังจากนักลงทุนต่างชาติมีสัญญาณซื้อสุทธิเข้ามาเพิ่มเติม โดยภาพรวมตลาดฯหุ้นขนาดใหญ่อย่างหุ้นธนาคารและหุ้นพลังงานได้ฟื้นตัวดีขึ้นทำให้เป็นแรงผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 14 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.2541 ที่ดัชนีอยู่ระดับ 204 .59จุด
       ส่วนการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ ดัชนี ฮั่งเส็ง: ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 21,094.21 จุด เพิ่มขึ้น 352.76 จุด หรือ 1.70 % และดัชนี เวทเต็ด: ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,501.72 จุด เพิ่มขึ้น 21.22 จุด หรือ 0.28 %
       สำหรับแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้(2 พ.ค.) คาดว่าจะอยู่ในลักษณะแกว่งตัว หากไม่มีปัจจัยใดๆเข้ามากระทบต่อตลาดฯประเมินว่าดัชนีฯจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,220-1,210 จุดและแนวต้าน 1,232-1,240 จุด
       ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหากดัชนีฯปรับตัวขึ้นให้ขายและซื้อเมื่อดัชนีฯปรับตัวลดลงมา มีแนวรับ 1,220-1,210 จุดและแนวต้าน 1,232-1,240 จุด
       ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในเดือนพฤษภาคม วงการคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวโดยปัจจัยจากฟากยุโรปจะเป็นแรงกดดันสำคัญ
***FSS มอง SET เดือนพ.ค.ผันผวน ให้แนวต้าน 1,240 จุด***
       นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส (FSS)กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนหน้าคาดว่าจะเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่กว้างมากขึ้นอยู่ที่ 1,150-1,240 จุด แต่ในเบื้องต้นภาพรวมจะแกว่งตัวขาลงมากขึ้น เนื่องจากตลาดฯได้หมดช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส1/55ของบริษัทจดทะเบียนแล้วทำให้ตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกเข้ากระตุ้นบรรยากศการลงทุนใหม่และปัจจัยจากหนี้สินในแถบประเทศยูโรโซนจะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอีกครั้ง
       ด้านกลยุทธ์การลงทุนในเดือน พ.ค. ควรเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีเมื่อดัชนีฯปรับฐาน มีแนวรับ 1,150 จุด และแนวต้าน 1,240 จุด
***KGI แนะกลยุทธ์เดือนพ.ค. ขายออกอย่างต่อเนื่อง - ปัญหายุโรปกดดัน***
       ด้านสถาบันวิจัย บล.เคจีไอ ระบุว่าเชิงเส้นกราฟรายเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ดัชนี SET มีนัยสำคัญที่แนวต้าน 1,210 จุด หากดัชนี SETสามารถยืนในระดับเหนือต้านสำคัญ 1,210 จุดได้ จะเข้าสู่กรอบราคาบนที่กรอบดัชนี 1,210-1,290 จุดโดยมีนัยเพื่อการผลักทางขึ้นต่อเนื่องในเบื้องต้นคือ หากดัชนี SET ยืนเหนือแนวต้าน 1,210 จุด จะผลักราคาขึ้นต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน 1,250 จุดก่อน
       แต่หากในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ ดัชนี SET ไม่สามารถผลักราคาตัวเองขึ้นยืนเหนือระดับแนวต้าน1,210 จุดได้ อาจเกิดกำลังสะสมตีกลับเพื่อกดดัชนี SET ให้ลดลงมาทดสอบแนวรับค่าเฉลี่ยเส้นสี่เดือนที่แนวรับ 1,160 จุด และอาจมีกำลังกดทางลงต่อเนื่องสู่นัยแนวรับ 1,130 จุดได้
       ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยให้ความสำคัญข่าวสารที่จะมาจากฟากยุโรปว่า เศรษฐกิจภาคใหญ่(Macro) นั้น จะเข้าสู่ความมีเสถียรภาพ หรือเกิดประเทศที่มีปัญหาใหม่อีก จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญมากต่อตลาดทุนทั่วโลกในเดือนพฤษภาคม 2555 นี้ กลยุทธ์การลงทุน ‘ขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง’
       อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดรวมของ SET ช่วงปลายเดือน เมษายน (26 เม.ย.)อยู่ที่ 9.95 ล้านล้านบาทปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่ 8.40 ล้านล้านบาทอยู่ +18.5% หรือคิดเป็น 0.58เท่าของสินทรัพย์รวมที่ 17.17 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2553 นั้นตลาดรวมSET มีผลกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 6.26 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราผลกำไรสุทธิของตลาดรวมที่ 8.0% และคิดเป็นผลตอบแทนต่อส่วนทุนที่ 13.7%
       ปัจจัยและแนวโน้มดัชนี SET เดือนพฤษภาคม 2555 ประเมิน 3 ปัจจัยในเดือนพฤษภาคม 2555 ที่มีผลต่อดัชนี SET
       1.ราคาหุ้นต่อผลกำไร
       2.นักลงทุนต่างชาติ และความกังวลจากตะวันตก
       3.ปัจจัยเชิงเส้นกราฟ
       ทั้งนี้ในเดือน พฤษภาคม 2555 นี้ คาดหวังได้ว่า บริษัทที่คาดว่าไตรมาสสองจะเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น จะยังคงมีกำลังผลักทางขึ้นของราคาหุ้น แต่บริษัทที่คาดว่าไตรมาสสอง 2555 นั้นผลกำไรจะทรงตัว หรือจะลดลงนั้น จะเกิดแรงขายในหุ้นเหล่านี้ กดราคาให้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
กลยุทธ์สำหรับพฤษภาคม 2555 นี้: แนะนำขาย และควรจำกัดผลขาดทุน
***CNS คาด SET เดือนพ.ค.ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินต่างชาติ ***

       ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS)กล่าวว่า ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนหน้าคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่การลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจะเน้นลงทุนหุ้นเป็นรายตัว โดยมีปัจจัยหลัก 3 อย่างได้แก่ 1.ลงทุนตามการไหลเข้าของเงินนักลงทุนต่างชาติ 2.ลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ หุ้นกลุ่มอาหาร ค้าปลีกและสื่อสาร และ3.ลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีประเด็นบวกตามความคาดหวังว่าผลประกอบการจะดีขึ้นจากกระแสต่างๆ อาทิหุ้น GRAMMY RS หรือJAS อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหากนักลงทุนต่างชาติเข้าภาวะขาย คงจะทยอยขายออกมาเนื่องจากตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นสุทธิประมาณ 8 หมื่นล้านบาท
       อย่างไรก็ดี ประเมินว่าเดือนหน้าดัชนีฯจะมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,250 จุดได้จากปัจจัยข้างต้นดังกล่าว แต่หากดัชนีฯปรับตัวลดลงหลุดระดับแนวรับที่ 1,200 จุดจะเข้าสู่ภาวะปรับฐานและหมดรอบการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้ โดยกลยุทธ์การลงทุนควรเข้าลงทุนเป็นหุ้นรายตัว อาทิ BBL INTUCH และGRAMMY ให้แนวรับ 1,200 จุด และให้แนวต้าน 1,250 จุด